ชิราคาวาโกะ หมู่บ้านโบราณย้อนยุคที่ถูกสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 18 ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดกิฟุ และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี 1995
ความพิเศษของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ คือบ้านโบราณสไตล์กัสโชซึคุริ ซึ่งเห็นได้ยากมาก กัสโชซึคุริคือการสร้างรูปทรงหลังคาให้เหมือนกับท่าพนมมือเพื่ออธิษฐาน แสดงถึงความเชื่อและความศรัทธาศาสนาพุทธของชาวญี่ปุ่นในสมัยนั้น นอกจากนี้บ้านทั้งหลังที่สร้างขึ้นยังไม่ได้ใช้ตะปูแม้แต่ชิ้นเดียว
กัสโช หมายถึง การพนมมืออธิษฐาน
หมู่บ้านที่เป็นสถานที่เที่ยวหลักของเมืองชิราคาวาโกะ และเป็นยอดนิยมของนักท่องเที่ยวมากที่สุดคือ หมู่บ้านโอกิมาจิ หมู่บ้านชื่อดังที่มีพื้นที่กว่า 2 ใน 3 ของพื้นที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก และยังเป็นหมู่บ้านที่จัดเทศกาลประดับไฟได้สวยที่สุดแห่งหนึ่งด้วย
1 ปีมี 1 ครั้ง เทศกาลประดับไฟประจำปี ณ ชิราคาวาโกะ
เทศกาลแสดงไฟหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawago Lights-up) งานประดับไฟ 1 ปี มีเพียง 1 ครั้ง จัดจะขึ้นในช่วงฤดูหนาวที่หมู่บ้านโอกิมาจินี่เอง โดยจะเปิดไฟทุกวันอาทิตย์ติดต่อกัน 6 สัปดาห์ ตั้งแต่กลางเดือนมกราคม – เดือนกุมภาพันธ์ และเปิดไฟตั้งแต่เวลา 17.30 – 19.30 นาฬิกา
ตารางงานประดับไฟที่ชิราคาวาโกะ ปี 2024 มีดังนี้
- 14 มกราคม 2024 (วันอาทิตย์)
- 21 มกราคม 2024 (วันอาทิตย์)
- 28 มกราคม 2024 (วันอาทิตย์)
- 4 กุมภาพันธ์ 2024 (วันอาทิตย์)
- 12 กุมภาพันธ์ 2024 (วันจันทร์ วันหยุดของญี่ปุ่น)
- 18 กุมภาพันธ์ 2024 (วันอาทิตย์)
ชิราคาวาโกะ เที่ยวช่วงไหนดี?
ฤดูหนาว: จะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์ เป็นฤดูที่นักท่องเที่ยวนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมีเทศกาลงานประดับไฟจัดในช่วงนี้
ฤดูใบไม้ผลิ: อยู่ระหว่างเดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม อีกหนึ่งฤดูที่สวยไม่แพ้หน้าหนาวเพราะจะเป็นช่วงที่ดอกซากุระบานสะพรั่ง ทั้งสีขาว สีชมพู ทำเอาใจเต้นเลยทีเดียว
ฤดูร้อน: เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม สด ใหม่ เขียวขจี ต้องหน้าร้อนที่นี่เลย เพราะจะได้เห็นทัวทัศน์ธรรมชาติรอบ ๆ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียว ทำเอาใจฟู เหมือนได้รับการบำบัดเลยค่ะ
ฤดูใบไม้ร่วง: เป็นช่วงเดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน อีกหนึ่งฤดูที่มีสเน่ห์มาก ๆ เพราะจะได้เห็นต้นไม้รอบ ๆ เป็นสีเหลือง สีแดง เป็นทิวทัศน์ที่ควรค่าแก่การไปชมสักครั้งหนึ่งในชีวิต
ดั้งนั้นฤดูที่ควรเที่ยวมากที่สุดคือฤดูหนาว เพราะจะมีเทศกาลประดับไฟ (Shirakawa-go Light-up) ที่ 1 ปีมีแค่ 1 ครั้งเท่านั้น จัดขึ้นที่หมู่บ้านโอกิมาจิ (Ogimachi) หมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดในชิราคาวาโกะ
โดยจะเปิดไฟทุกวันอาทิตย์ติดต่อกัน 6 สัปดาห์ ตั้งแต่กลางเดือนมกราคม – เดือนกุมภาพันธ์ และเปิดไฟตั้งแต่เวลา 17.30 – 19.30 นาฬิกา
ไฮไลท์ในชิราคาวาโกะ มีจุดไหนบ้าง?
ชิราคาวาโกะ ถือเป็นหมู่บ้านโบราณที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นในสมัยก่อน ทำให้จุดไฮไลท์ต่าง ๆ ในหมู่บ้านโดดเด่น กลมกลืน และสื่อถึงการดำรงชีวิตผ่านตัวบ้าน ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำจุดไฮไลท์ที่ควรไปชมเมื่อมาถึงชิราคาวาโกะค่ะ
1.บ้านโบราณสามหลังแห่งหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (三小屋)
บ้านโบราณสามหลังแห่งหมู่บ้านชิราคาวาโกะ บ้านสไตล์กัสโชสึคุริที่มีอายุมากกว่า 200 ปี ลักษณะเป็นหลังคาทรงพนมมือขนาดใหญ่มีความชันถึง 60 องศา ยาว 18 เมตร กว้าง 10 เมตร เป็นบ้านที่ทำจากวัสดุธรรมชาติทั้งหลัง หากมาชิราคาวาโกะแล้วไม่ได้ถ่ายรูปจุดนี้ถือว่ามาไม่ถึงชิราคาวาโกะจริง ๆ ค่ะ เพราะความสวยงามของบ้านโบราณในแต่ละฤดูสวยไม่ซ้ำกันเลยทีเดียว
2.บ้านทรงโบราณคันดะ (神田邸)
บ้านทรงโบราณคันดะ บ้านขนาดใหญ่ 4 ชั้น อีก 1 บ้านโบราณในชิราคาวาโกะที่ได้รับการอนุรักษ์ให้คงอยู่สภาพเดิม และยังเปิดให้เข้าชมเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งด้านในจะมีห้องและเครื่องใช้ต่าง ๆ ในอดีต ที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความหรูหรา ทำให้กลายเป็นอีกจุดไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด
3.บ้านทรงโบราณวาดะ (和田式古民家)
บ้านทรงโบราณวาดะ อีกหนึ่งบ้านโบราณที่ถูกเปิดให้เป็นพิพิธภัณฑ์ มีทั้งหมด 4 ชั้น ภายในจะมีห้องข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ การทำเกษตรกรรม และการดำรงชีวิตที่สื่อออกมาผ่านตัวบ้าน แต่จะแตกต่างจากบ้านคันดะ คือ จะมีความเรียบง่าย ดูเป็นชาวบ้านมากกว่า หากชมบ้านคันดะแล้วไม่ได้มาชมบ้านวาดะถือว่าพลาดมาก เพราะทั้งสองบ้านมีจุดแตกต่างและเชื่อมโยงกันที่ดูแล้วเพลินตามากค่ะ
4.วัดเมียวเซนจิ (妙善寺)
วัดเมียวเซนจิ วัดเก่าแก่ที่ไม่เหมือนวัดธรรมดาทั่วไปในญี่ปุ่น เพราะสถาปัตยกรรมของวัดสไตล์กัสโซซึคุริที่เข้ากันกับธรรมชาติ ข้าวของเครื่องใช้ของสงฆ์ที่ถูกเก็บไว้ในสภาพสมบูรณ์ ทำให้วัดแห่งนี้แต่งแต้มไปด้วยทุกอย่างที่ลงตัวและมีเอกลักษณ์ที่หาชมได้ยากในญี่ปุ่น
5.ศาลเจ้าชิราคาวาโกะฮาจิมัง (白河 八幡)
ศาลเจ้าชิราคาวาโกะฮาจิมัง ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน ที่มีอายุเก่าแก่และยังคงสถาปัตยกรรมเดิมเอาไว้ ให้ความรู้สึกสงบ ร่มเย็น และสบายใจ เหมือนได้กลับไปอดีตที่ยังไม่มีเทคโนโลยีเข้ามา
6.จุดชมวิวเท็นชุคาคุ (天守閣展望台)
จุดชมวิวเท็นชุคาคุ อีกจุดไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงชิราคาวาโกะ เพราะจะได้เห็นวิวหมู่บ้านชิราคาวาโกะทั้งหมด ยิ่งถ้าเป็นช่วงเทศกาลงานประดับไฟในฤดูหนาว จะเห็นภาพบ้านหิมะส่องแสงระยิบระยับสวยงามมากค่ะ
7.ชิราคาวาโกะโนะยุออนเซ็น (白河湖の湯温泉)
ชิราคาวาโกะโนะยุออนเซ็น สถานที่ไฮไลท์ยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ที่ถ้ามาชิราคาวาโกะต้องแช่ออนเซ็นที่นี่สักครั้ง เพราะการแช่น้ำพุร้อนธรรมชาติที่มาจากเขาฮาคุจะทำให้ผิวสวย อีกทั้งยังได้ชมวิวธรรมชาติและแม่น้ำโชกาวะ (ออนเซ็นกลางแจ้ง) รอบ ๆ อีกด้วย
แนะนำการเดินทางไปชิราคาวาโกะโดยไม่ต้องจองบัสล่วงหน้า
เส้นทาง : สถานีรถไฟฟ้าโอซาก้า (Osaka) >> สถานีรถไฟฟ้าคานาซาวะ (Kanasawa) >> ขึ้นรถบัสที่สถานีชินทาคาโอกะ เกท 4 (Shin-Takaoka Station) >> สถานีชิราคาวาโกะ
ระยะเวลา : ประมาณ 3 ชั่วโมง
Let’s go! ชมบรรยากาศที่ชิราคาวาโกะในช่วงฤดูหนาว
สรุป
การได้เที่ยวชิราคาวาโกะเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เพราะสามารถเที่ยวได้ทุกฤดูเลย และแต่ละฤดูก็สวยงามไม่แพ้กัน อาหารอร่อย ผู้คนใจดี และก็มี Travelzeed ที่พร้อมดูแลคุณตลอดการเดินทาง ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำ ทัวร์ญี่ปุ่น ให้คุณได้ไปลองเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่ Line ID : @travelzeed หรือ โทร 02-108-7900