egypt-attraction

แนะนำ 21 ที่เที่ยวอียิปต์ ดินแดนฟาโรห์และมหาพีระมิดแห่งประวัติศาสตร์

“อียิปต์” คือหนึ่งในประเทศที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และเป็นจุดกำเนิดของอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ ทุกก้าวในดินแดนแห่งนี้คือการเดินทางผ่านกาลเวลา ตั้งแต่มหาพีระมิดอันยิ่งใหญ่แห่งกีซ่า ไปจนถึงแม่น้ำไนล์อันอุดมสมบูรณ์ที่หล่อเลี้ยงผู้คนมาตลอดหลายพันปี หากคุณกำลังวางแผน เที่ยวอียิปต์ สักครั้งในชีวิต บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ สถานที่ท่องเที่ยวอียิปต์ ที่ห้ามพลาด ทั้งเมืองหลวงโบราณ วิหารศักดิ์สิทธิ์ และโอเอซิสกลางทะเลทรายที่สวยงามและอลังการมาก ๆ

ทำความรู้จักอียิปต์ ประเทศแห่งอารยธรรมโบราณ

อียิปต์ตั้งอยู่ในภูมิภาคแอฟริกาเหนือ มีแม่น้ำไนล์ไหลผ่านจากใต้ขึ้นเหนือสู่อ่าวเมดิเตอร์เรเนียน เป็นประเทศที่ธรรมชาติหลากหลาย ทั้งทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ทะเลแดงที่งดงาม และเมืองโบราณอายุกว่าหมื่นปี

ภูมิประเทศและภูมิอากาศของอียิปต์

อียิปต์มีภูมิอากาศแบบทะเลทราย ร้อนและแห้งตลอดปี ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเดินทางคือ เดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม ซึ่งอากาศเย็นสบายประมาณ 20–25°C เหมาะสำหรับเที่ยวชมโบราณสถาน แบบไม่เหนื่อยล้าและที่สำคัญอากาศก็ไม่ร้อยด้วยนะ

อียิปต์ในปัจจุบันกับการท่องเที่ยว

ทุกปีมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาชมพีระมิดและวิหารโบราณหลายล้านคน โดยเฉพาะจากยุโรปและเอเชีย การเดินทางจากประเทศไทยสะดวกขึ้นมาก ใช้เวลาเพียงราว 9–10 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ สู่กรุงไคโร เหมาะทั้งสำหรับทัวร์เชิงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแนวผจญภัย

แนะนำที่เที่ยวที่น่าสนใจในอียิปต์

1. มหาพีระมิดแห่งกีซ่า (The Great Pyramid of Giza)

มหาพีระมิดแห่งกีซ่า ที่เที่ยวอิยิปต์ หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ

มาเริ่มกันที่แรก… เรียกได้ว่าถ้าพูดถึงประเทศอียิปต์จะต้องนึกถึงที่นี่แน่นอน เรียกได้ว่าเป็น หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงกีซ่า เมืองไคโร ประเทศอียิปต์ สร้างขึ้นราว 2,600 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในรัชสมัยฟาโรห์คูฟู (Pharaoh Khufu) เพื่อเป็นสุสานหลวง พีระมิดแห่งนี้มีความสูงเดิมราว 146 เมตร (ปัจจุบันเหลือประมาณ 138 เมตร) ใช้หินก่อสร้างมากกว่า 2.3 ล้านก้อน ถือเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่และลึกลับที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ภายในประกอบด้วยห้องฝังพระศพ ทางเดินลับ และอุโมงค์ซับซ้อนมากมาย

ไฮไลท์คือวิวพระอาทิตย์ตกเหนือพีระมิดและการชมสฟิงซ์แห่งกีซ่าที่ตั้งอยู่ใกล้กัน ซึ่งเปรียบเสมือนผู้พิทักษ์ของพีระมิดแห่งนี้ ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมได้ทั้งภายนอกและภายในพีระมิด เพื่อสัมผัสอารยธรรมอียิปต์โบราณอันยิ่งใหญ่ที่ยังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้

  • พิกัด: Giza Plateau, Al Haram, Giza Governorate, Egypt
  • ค่าเข้าชม: เริ่มต้นประมาณ 200–400 EGP (ขึ้นอยู่กับประเภทตั๋ว)
  • เวลาเปิด–ปิด: 08.00 – 17.00 น.
  • การเดินทาง: นั่งแท็กซี่หรือรถบัสจากใจกลางกรุงไคโร ใช้เวลาประมาณ 30–40 นาที 

2. มหาสฟิงซ์ (The Great Sphinx of Giza)

รูปปั้น มหาสฟิงซ์แห่งกีซ่า รูปสลักศีรษะมนุษย์ร่างสิงโต ตั้งตระหง่านข้างพีระมิดกีซ่า

มหาสฟิงซ์คือสัญลักษณ์แห่งอารยธรรมอียิปต์โบราณที่ตั้งอยู่ใกล้กับมหาพีระมิดแห่งกีซ่า บนที่ราบสูงกีซ่า เมืองไคโร ประเทศอียิปต์ รูปปั้นยักษ์นี้มีลักษณะเป็นร่างกายสิงโตและศีรษะมนุษย์ เชื่อกันว่า สร้างขึ้นในรัชสมัยของฟาโรห์คาเฟร (Pharaoh Khafre) ราว 2,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช เพื่อเป็นผู้พิทักษ์สุสานและพีระมิดบริเวณนี้

มหาสฟิงซ์มีความยาวประมาณ 73 เมตร สูง 20 เมตร แกะสลักจากหินปูนก้อนเดียวอย่างประณีต โดยใบหน้าของสฟิงซ์เชื่อว่าเป็นภาพจำลองของฟาโรห์คาเฟร แสดงถึงพลัง อำนาจ และภูมิปัญญาแห่งราชวงศ์อียิปต์โบราณ ถึงแม้กาลเวลาจะทำให้บางส่วนของรูปปั้น เช่น จมูกและเครา สูญหายไป แต่ความยิ่งใหญ่ของมันยังคงตราตรึงใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ไฮไลท์คือการชมสฟิงซ์คู่กับมหาพีระมิดในช่วงพระอาทิตย์ตก ซึ่งเป็นภาพที่งดงามและเป็นสัญลักษณ์ของอียิปต์อย่างแท้จริง ปัจจุบันบริเวณนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและถ่ายภาพได้ตลอดทั้งปี

  • พิกัด: Giza Plateau, Al Haram, Giza Governorate, Egypt
  • ค่าเข้าชม: รวมอยู่ในบัตรเข้าพื้นที่พีระมิดกีซ่า (ประมาณ 200–400 EGP)
  • เวลาเปิด–ปิด: 08.00 – 17.00 น.
  • การเดินทาง: จากกรุงไคโร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30–40 นาทีโดยแท็กซี่หรือรถบัส

3. มัสยิดมาตราซาของสุลต่านฮาซัน (Mosque-Madrasa of Sultan Hassan)

มัสยิดมาตราซาของสุลต่านฮาซัน ที่เที่ยวอียิปต์ เป็นมัสยิดและสำนักศาสนาอิสลามสุลต่านฮาซัน สถาปัตยกรรมมัมลุกยิ่งใหญ่แห่งกรุงไคโร

หนึ่งในสถาปัตยกรรมอิสลามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 (ปี ค.ศ. 1356–1363) โดยสุลต่านฮาซันแห่งราชวงศ์มัมลุก (Sultan Hassan of the Mamluk Dynasty) เพื่อใช้เป็นทั้งมัสยิด (Mosque) สำหรับประกอบพิธีทางศาสนา และมาตราซา (Madrasa) หรือสำนักศึกษาศาสนาอิสลาม

อาคารแห่งนี้มีขนาดมหึมาและออกแบบอย่างงดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบมัมลุก โดดเด่นด้วยโดมขนาดใหญ่ ประตูทางเข้าหินอ่อนสูงกว่า 38 เมตร และลวดลายอักษรอาหรับที่ประณีตบนผนัง ภายในมัสยิดมีลานกว้างตรงกลางล้อมรอบด้วยห้องเรียนทั้งสี่ทิศ สื่อถึงหลักคำสอนในนิกายทั้งสี่ของอิสลาม (Hanafi, Maliki, Shafi’i และ Hanbali)  

ไฮไลท์ของที่นี่คือความสง่างามและบรรยากาศเงียบสงบภายใน โดมและหออะซาน (Minaret) ยังมองเห็นได้ชัดจากระยะไกล ถือเป็นหนึ่งในจุดชมวิวเมืองไคโรที่สวยที่สุด โดยอยู่ตรงข้ามกับ มัสยิดอัล-ริฟาอี (Al-Rifa’i Mosque) ทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นศูนย์กลางของศิลปะอิสลามที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

  • พิกัด: Salah al-Din Square, Cairo, Egypt
  • ค่าเข้าชม: ประมาณ 80–100 EGP
  • เวลาเปิด–ปิด: 09.00 – 17.00 น.
  • การเดินทาง: นั่งแท็กซี่หรือรถบัสจากใจกลางกรุงไคโร ใช้เวลาประมาณ 15–20 นาที

4. มัสยิสอิบันตูลูน (Mosque of Ibn Tulun)

มัสยิดอิบัน ตูลูน ที่เที่ยวอิยิปต์ เป็นมัสยิดเก่าแก่ที่สุดในไคโร

หนึ่งในมัสยิดที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 876–879 โดย อะห์หมัด อิบน์ ตูลูน (Ahmad Ibn Tulun) ผู้ก่อตั้งราชวงศ์อิบน์ ตูลูน แห่งอียิปต์ มัสยิดแห่งนี้ถือเป็น สัญลักษณ์สำคัญของสถาปัตยกรรมอิสลามยุคแรกในอียิปต์ ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์มาจนถึงปัจจุบัน

มัสยิดอิบน์ ตูลูนมีพื้นที่กว้างขวางกว่า 2.5 เฮกตาร์ ออกแบบในสไตล์อับบาซิด (Abbasid architecture) ซึ่งได้รับอิทธิพลจากเมืองซามาร์รา (Samarra) ประเทศอิรัก โดดเด่นด้วย หออะซานทรงเกลียว (Spiral Minaret) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมัสยิดใหญ่แห่งซามาร์รา และลานกว้างกลางแจ้ง (Sahn) รายล้อมด้วยระเบียงโค้งอันประณีต ภายในตกแต่งด้วยซุ้มโค้งอาหรับและลวดลายปูนปั้นที่วิจิตรสวยงาม

มัสยิดแห่งนี้ไม่เพียงเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และศิลปะอิสลามที่สำคัญ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปบนหออะซานเพื่อชมวิวพาโนรามาของกรุงไคโรได้อย่างสวยงาม ถือเป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่หลงใหลในสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมอียิปต์โบราณ

  • พิกัด: Al-Saliba Street, Sayyida Zeinab, Cairo, Egypt
  • ค่าเข้าชม: ประมาณ 80–100 EGP
  • เวลาเปิด–ปิด: 09.00 – 17.00 น.
  • การเดินทาง: จากใจกลางกรุงไคโรสามารถนั่งแท็กซี่หรือรถบัสมายังย่าน Sayyida Zeinab ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

5. มัสยิดโมฮัมหมัดอาลี (The Muhammed Ali Mosque)

มัสยิดโมฮัมหมัดอาลี หรือ มัสยิดอะละบาสเตอร์ อยู่ภายในป้อมซาลาดิน กรุงไคโร ประเทศอียิปต์

หรือที่รู้จักในชื่อ มัสยิดอะละบาสเตอร์ (Alabaster Mosque) เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ตั้งอยู่ภายในป้อมซาลาดิน (Citadel of Saladin) บนเนินเขาโมกัตตัม (Mokattam Hill) มัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1830–1848 โดย มูฮัมหมัด อาลี ปาชา (Muhammad Ali Pasha) เพื่อเป็นทั้งสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาและสุสานส่วนตัวของพระองค์

สถาปัตยกรรมของมัสยิด ได้รับอิทธิพลจาก มัสยิดสุลต่านอาห์เหม็ดในอิสตันบูล (Blue Mosque) มีโดมใหญ่สูงสง่าและหออะซานคู่ที่มองเห็นได้ทั่วกรุงไคโร ผนังภายนอกตกแต่งด้วยหินอ่อนอาลาบาสเตอร์สีทองนวล ส่วนภายในประดับลวดลายอาหรับและโคมระย้าสุดวิจิตร ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในมัสยิดที่งดงามที่สุดของอียิปต์

ไฮไลท์คือจุดชมวิวเมืองไคโรจากระเบียงของมัสยิด ซึ่งสามารถมองเห็นแม่น้ำไนล์และพีระมิดแห่งกีซ่าในวันที่อากาศปลอดโปร่ง มัสยิดโมฮัมหมัดอาลีจึงเป็นทั้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

  • พิกัด: Citadel of Saladin, Al-Qalaa, Cairo, Egypt
  • ค่าเข้าชม: รวมอยู่ในบัตรเข้าชมป้อมซาลาดิน (ประมาณ 200–300 EGP)
  • เวลาเปิด–ปิด: 08.00 – 17.00 น.
  • การเดินทาง: จากใจกลางกรุงไคโร นั่งแท็กซี่ประมาณ 20 นาที หรือใช้รถบัสท้องถิ่นไปยังป้อมซาลาดิน

6. ย่านเมืองเก่าคอร์ปติก (Coptic Cairo)

ย่านเมืองเก่าคอปติก กรุงไคโร ที่เที่ยวอียิปต์ เป็นแหล่งรวมโบสถ์และพิพิธภัณฑ์คริสต์ศาสนาเก่าแก่

แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และศาสนาที่สำคัญของกรุงไคโร ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมือง ใกล้กับป้อมบาบิลอน (Babylon Fortress) ย่านนี้เป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนาในอียิปต์ และเป็นที่รู้จักในชื่อ Old Cairo ซึ่งรวบรวมโบราณสถานทางศาสนาคริสต์ ยิว และอิสลามไว้ในพื้นที่เดียวกันอย่างกลมกลืน

ย่านเมืองเก่าคอปติกเต็มไปด้วย โบสถ์คอปติกเก่าแก่หลายแห่ง เช่น โบสถ์แขวน (The Hanging Church / Saint Virgin Mary’s Coptic Orthodox Church) ที่สร้างอยู่เหนือประตูป้อมบาบิลอนและถือเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในอียิปต์, โบสถ์เซนต์จอร์จ (Saint George’s Church), โบสถ์เซนต์เซอร์เกียสและบาคคัส (Saints Sergius and Bacchus Church) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่พระนางมารีย์และพระกุมารเยซูเคยพำนักระหว่างหลบหนีไปอียิปต์ รวมถึง พิพิธภัณฑ์คอปติก (Coptic Museum) ที่จัดแสดงวัตถุโบราณและศิลปกรรมทางศาสนาอันทรงคุณค่า

บรรยากาศของย่านนี้เงียบสงบและเต็มไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมโบราณ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ ศิลปะ และร่องรอยแห่งความศรัทธา นอกจากนี้ยังสามารถเดินต่อไปยังมัสยิดอัมร์ อิบน์ อัล-อาส (Amr Ibn Al-As Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดแห่งแรกของอียิปต์ได้อีกด้วย

  • พิกัด: Old Cairo District, Cairo, Egypt
  • ค่าเข้าชม: ฟรี (บางสถานที่ภายในมีค่าเข้าชมเพิ่มเติม เช่น พิพิธภัณฑ์คอปติก ประมาณ 100 EGP)
  • เวลาเปิด–ปิด: 09.00 – 17.00 น.
  • การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย 1 ลงสถานี Mar Girgis (ใกล้โบสถ์แขวน) แล้วเดินเท้าเพียงไม่กี่นาที

7. โบสถ์เซนต์เซอร์เจียส (Church of Saint Sergius)

โบสถ์เซนต์เซอร์เจียส หรือโบสถ์อาบู เซอร์กา กรุงไคโร เป็นโบสถ์คอปติกศักดิ์สิทธิ์ เชื่อว่าอดีตเป็นสถานที่ที่พระแม่มารีย์เคยพำนัก

หรือที่ คนท้องถิ่นเรียกว่า อาบู เซอร์กา (Abu Serga) เป็นหนึ่งในโบสถ์คอปติกที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าคอปติก (Coptic Cairo) ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน Mar Girgis โบสถ์แห่งนี้ สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 4–5 เพื่ออุทิศแด่นักบุญเซอร์เจียสและบาคคัส (Saint Sergius and Saint Bacchus) ทหารโรมันผู้พลีชีพเพื่อศรัทธาในพระคริสต์

โบสถ์เซนต์เซอร์เจียสมีความสำคัญทางศาสนาอย่างยิ่ง เพราะเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่พระนางมารีย์ นักบุญโยเซฟ และพระกุมารเยซู เคยพำนักอยู่ช่วงหนึ่งระหว่างหลบหนีมาจากกรุงเบธเลเฮม ซึ่งในปัจจุบันยังคงมีถ้ำศักดิ์สิทธิ์ (Holy Crypt) ให้ผู้ศรัทธาและนักท่องเที่ยวได้เข้าชมและสักการะ

สถาปัตยกรรมของโบสถ์โดดเด่นด้วยเพดานไม้ทรงเรือกลับหัว, เสาโบราณหินแกรนิต, และลวดลายไม้แกะสลักที่งดงามแบบคอปติก ภายในมีบรรยากาศเงียบสงบ เต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์และศรัทธาที่สืบทอดมากว่าพันปี

  • พิกัด: Coptic Cairo, Mar Girgis Street, Cairo, Egypt
  • ค่าเข้าชม: ฟรี
  • เวลาเปิด–ปิด: 09.00 – 17.00 น.
  • การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 1 ลงสถานี Mar Girgis เดินต่อเพียง 3 นาที

8. พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอียิปต์ (The Egyptian Museum)

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอียิปต์ หรือ พิพิธภัณฑ์ไคโร จัดแสดงโบราณวัตถุอียิปต์ เช่น หน้ากากทองคำฟาโรห์ตุตันคาเมน

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอียิปต์ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า พิพิธภัณฑ์ไคโร (Cairo Museum) เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ทางโบราณคดีที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ใจกลางกรุงไคโร บริเวณจัตุรัสตะห์รีร์ (Tahrir Square) เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1902 เพื่อจัดแสดงโบราณวัตถุของอารยธรรมอียิปต์โบราณกว่า 120,000 ชิ้น ครอบคลุมตั้งแต่ยุคก่อนราชวงศ์จนถึงยุคราชวงศ์สุดท้าย

ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสมบัติล้ำค่ามากมาย เช่น หน้ากากทองคำของฟาโรห์ตุตันคาเมน (Tutankhamun’s Golden Mask), มัมมี่ของฟาโรห์และราชินีอียิปต์, เครื่องรางทองคำ, รูปสลักหินโบราณ, และจารึกอักษรภาพ (Hieroglyphics) ที่บอกเล่าเรื่องราวทางศาสนาและชีวิตของชาวอียิปต์โบราณ พื้นที่จัดแสดงแบ่งออกเป็นสองชั้น — ชั้นล่างเน้นแสดงโบราณวัตถุขนาดใหญ่ เช่น รูปปั้นหิน และโลงศพ ส่วนชั้นบนจะจัดแสดงเครื่องประดับ เครื่องใช้ และสมบัติจากสุสานต่าง ๆ

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์และโบราณคดีอียิปต์ ปัจจุบันบางส่วนของคอลเลกชันกำลังทยอยย้ายไปยัง พิพิธภัณฑ์อียิปต์ใหญ่ (The Grand Egyptian Museum) ใกล้พีระมิดกีซ่า แต่ที่นี่ก็ยังคงเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

  • พิกัด: Tahrir Square, Downtown Cairo, Egypt
  • ค่าเข้าชม: ประมาณ 200–300 EGP (มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมหากต้องการเข้าชมห้องมัมมี่)
  • เวลาเปิด–ปิด: 09.00 – 17.00 น.
  • การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 2 ลงสถานี Sadat แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที

9. ตลาดข่านเอลคาลิลี่ (Khan El Khalili Bazaar)

ตลาดข่านเอลคาลิลี ตลาดเก่าแก่ในกรุงไคโร เต็มไปด้วยของฝากและบรรยากาศอาหรับแท้

หนึ่งในตลาดเก่าแก่และมีชีวิตชีวาที่สุดของกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ในยุคราชวงศ์มัมลุก (Mamluk Dynasty) ตั้งอยู่ในย่านอัล-ฮุสเซน (Al-Hussein District) ใกล้มัสยิดอัลอัซฮัร (Al-Azhar Mosque) ถือเป็น แหล่งรวมสินค้าและศิลปะพื้นเมืองที่สะท้อนเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมอียิปต์ ได้อย่างชัดเจน

ตลาดข่านเอลคาลิลีเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายเรียงรายตามตรอกซอกซอยเล็ก ๆ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อของที่ระลึกได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น งานทองเหลือง เครื่องเงิน เครื่องประดับหินสี ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ งานแกะสลักไม้ พรมเปอร์เซีย น้ำหอม และเครื่องเทศหอม ๆ รวมถึงของตกแต่งบ้านสไตล์อาหรับที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร

บรรยากาศของตลาดแห่งนี้คึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน มีทั้งร้านชาและคาเฟ่เก่าแก่ เช่น El Fishawy Café ซึ่งเปิดให้บริการมากว่า 200 ปี เป็นจุดนั่งพักยอดนิยมสำหรับจิบชาและชมวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น นักท่องเที่ยวควรเตรียมต่อรองราคาและเดินสำรวจอย่างเพลิดเพลิน เพราะทุกซอกมุมของตลาดเต็มไปด้วยสีสันและเรื่องราวของอียิปต์โบราณที่มีชีวิต

  • พิกัด: Al-Hussein District, Islamic Cairo, Egypt
  • ค่าเข้าชม: ฟรี
  • เวลาเปิด–ปิด: เปิดทุกวัน 09.00 – 23.00 น. (ร้านค้าบางแห่งเปิดถึงดึก)
  • การเดินทาง: รถแท็กซี่จากใจกลางกรุงไคโร ใช้เวลาประมาณ 15 นาที หรือรถไฟใต้ดินสาย 1 ลงสถานี Ataba แล้วต่อแท็กซี่

10. หุบเขากษัตริย์ (Valley of the Kings)

หุบเขากษัตริย์ ที่เที่ยวอียิปต์ ตั้งอยู่ที่เมืองลักซอร์ เป็นสถานที่ฝังพระศพฟาโรห์อียิปต์โบราณ รวมถึงตุตันคาเมน

แหล่งโบราณคดีที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศอียิปต์ ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ เมืองลักซอร์ (Luxor) หุบเขาแห่งนี้เป็น สถานที่ฝังพระศพของ ฟาโรห์และชนชั้นสูงในยุคราชวงศ์ที่ 18–20 ของอียิปต์โบราณ (ราว 1,550–1,070 ปีก่อนคริสต์ศักราช) โดยมีสุสานกว่า 60 แห่ง ที่ถูกแกะสลักไว้ในภูเขาหินทรายอย่างประณีต

ที่นี่คือสถานที่ค้นพบสุสานของฟาโรห์ตุตันคาเมน (Tutankhamun’s Tomb / KV62) ซึ่งภายในพบสมบัติมากมาย รวมถึงหน้ากากทองคำอันโด่งดัง ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์อียิปต์ในกรุงไคโร สุสานแต่ละแห่งในหุบเขามีการตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังสีสด ที่บอกเล่าเรื่องราวทางศาสนาและชีวิตหลังความตายตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ

การเยี่ยมชมที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวเลือกเข้าชมสุสานบางส่วนตามรอบ เช่น สุสานของ Ramesses IV (KV2), Ramesses IX (KV6) และ Seti I (KV17) โดยภายในจะมีอุโมงค์และห้องเก็บพระศพที่ยังคงลวดลายเดิมไว้อย่างงดงาม หุบเขากษัตริย์จึงถือเป็นจุดหมายในฝันของผู้ที่หลงใหลในอารยธรรมอียิปต์

  • พิกัด: West Bank of the Nile, Luxor, Egypt
  • ค่าเข้าชม: ประมาณ 240 EGP (รวมสุสานทั่วไป 3 แห่ง) / สุสานพิเศษ เช่น ตุตันคาเมน มีค่าเข้าชมเพิ่มเติม
  • เวลาเปิด–ปิด: 06.00 – 17.00 น.
  • การเดินทาง: จากตัวเมืองลักซอร์ ข้ามแม่น้ำไนล์ด้วยเรือเฟอร์รี่หรือแท็กซี่ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

11. วิหารคาร์นัก (Karnak Temple Complex)

วิหารคาร์นัก เมืองลักซอร์ เสาหินขนาดมหึมาและสัญลักษณ์แห่งเทพอามุน-รา

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ที่สุดของอารยธรรมอียิปต์โบราณ ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไนล์ เมืองลักซอร์ (Luxor) ห่างจากวิหารลักซอร์เพียงประมาณ 2 กิโลเมตร วิหารคาร์นักสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพอามุน-รา (Amun-Ra) เทพเจ้าสูงสุดแห่งอียิปต์ และเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญในยุคราชวงศ์ที่ 11–20 (ราว 2,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช)

พื้นที่ของวิหารคาร์นักกว้างใหญ่กว่า 200 เอเคอร์ ภายในประกอบด้วยวิหารหลัก วิหารย่อย เสาโอเบลิสก์ รูปสลัก และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์มากมาย ส่วนที่โดดเด่นที่สุดคือ ห้องโถงเสาใหญ่ (Great Hypostyle Hall) ซึ่งมีเสาหินทรายกว่า 134 ต้น สูงถึง 20 เมตร สลักอักษรภาพไฮโรกลิฟิกอย่างวิจิตรตระการตา จนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดผลงานสถาปัตยกรรมของโลกโบราณ

นักท่องเที่ยวนิยมมาชมความอลังการของเสาหินในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตก ซึ่งแสงทองที่สะท้อนบนเสาหินจะสร้างบรรยากาศงดงามชวนตะลึง ปัจจุบันยังมีการจัด Light & Sound Show ในช่วงกลางคืน ถ่ายทอดเรื่องราวของเทพเจ้าและฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอียิปต์อีกด้วย

  • พิกัด: Luxor, Egypt (ห่างจากวิหารลักซอร์ประมาณ 2 กม.)
  • ค่าเข้าชม: ประมาณ 300 EGP / Light & Sound Show เพิ่มประมาณ 250 EGP
  • เวลาเปิด–ปิด: 06.00 – 17.30 น.
  • การเดินทาง: จากตัวเมืองลักซอร์สามารถเดินทางโดยแท็กซี่หรือรถม้า ใช้เวลาประมาณ 10 นาที

12. วิหารลุคซอร์ (Luxor Temple)

วิหารลักซอร์ ที่เที่ยวอียิปต์ อยู่กลางเมืองลักซอร์ เป็นวิหารหินเก่าแก่ริมแม่น้ำไนล์ แห่งเทพอามุน

โบราณสถานสำคัญของอียิปต์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลักซอร์ (Luxor) ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไนล์ สร้างขึ้นในราวปี 1,400 ปีก่อนคริสต์ศักราช เพื่ออุทิศถวายแด่ เทพอามุน (Amun) เทพมุต (Mut) และเทพคอนซู (Khonsu) ซึ่งเป็นเทพเจ้าหลักในตรีเทพแห่งเมืองธีบส์ (Theban Triad)

วิหารลักซอร์มีความ โดดเด่นด้วย เสาโอเบลิสก์ (Obelisk) ที่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าอาคาร โดยอีกหนึ่งต้นถูกย้ายไปตั้งอยู่ที่จัตุรัสคองคอร์ดในกรุงปารีส ภายในวิหารมีโถงเสาขนาดใหญ่ รูปสลักฟาโรห์รามเสสที่ 2 และจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวพิธีบูชาเทพเจ้า รวมถึงการเฉลิมฉลองเทศกาล Opet Festival ที่เชื่อมโยงกับวิหารคาร์นัก ซึ่งเป็นการแห่รูปเคารพของเทพเจ้าไปตามแม่น้ำไนล์

ในช่วงเวลากลางคืน วิหารลักซอร์จะเปิดไฟส่องสว่างทั่วพื้นที่ ทำให้บรรยากาศยิ่งขลังและงดงามอย่างยิ่ง เหมาะสำหรับการชมวิวและถ่ายภาพ นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นสถานที่สำคัญในการศึกษาศิลปะและสถาปัตยกรรมของอียิปต์โบราณอีกด้วย

  • พิกัด: Luxor City, East Bank of the Nile, Egypt
  • ค่าเข้าชม: ประมาณ 250 EGP
  • เวลาเปิด–ปิด: 06.00 – 22.00 น.
  • การเดินทาง: จากตัวเมืองลักซอร์สามารถเดินถึงได้ หรือโดยแท็กซี่จากสถานีรถไฟเพียง 5 นาที

13. วิหารเมดิเนต ฮาบู (Medinet Habu)

วิหารเมดิเนต ฮาบู เมืองลักซอร์ ภาพสลักสงครามฟาโรห์รามเสสที่ 3 ยังคงสมบูรณ์

โบราณสถานสำคัญและงดงามที่สุดของเมืองลักซอร์ (Luxor) ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ สร้างขึ้นในรัชสมัยของฟาโรห์รามเสสที่ 3 (Pharaoh Ramesses III) แห่งราชวงศ์ที่ 20 เพื่อใช้เป็นทั้ง วิหารบูชาเทพเจ้าอามุน (Amun) และสุสานหลวงของพระองค์เอง

วิหารเมดิเนต ฮาบูมีความโดดเด่นด้วย กำแพงหินทรายขนาดใหญ่และภาพสลักนูนต่ำ (Reliefs) ที่แสดงฉากสงครามและชัยชนะของฟาโรห์รามเสสที่ 3 เหนือชนเผ่าทะเล (Sea Peoples) ซึ่งเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ทางการทหารที่สมบูรณ์ที่สุดของอียิปต์ ภายในยังมี ห้องบูชาเทพเจ้า เสาหินขนาดใหญ่ และลานกลางแจ้ง (Courtyard) ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์อย่างน่าทึ่ง

ความพิเศษของวิหารเมดิเนต ฮาบูคือความสงบและไม่พลุกพล่านเหมือนแหล่งท่องเที่ยวหลักอื่น ๆ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมรายละเอียดของภาพสลักสีที่ยังคงเห็นได้ชัดเจนแม้ผ่านเวลามานานกว่า 3,000 ปี ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลในศิลปะและสถาปัตยกรรมอียิปต์โบราณ

  • พิกัด: West Bank, Luxor, Egypt
  • ค่าเข้าชม: ประมาณ 200 EGP
  • เวลาเปิด–ปิด: 06.00 – 17.00 น.
  • การเดินทาง: จากฝั่งตะวันออกของลักซอร์สามารถข้ามแม่น้ำไนล์ด้วยเรือเฟอร์รี่ แล้วต่อแท็กซี่ประมาณ 10 นาที

14. มหาวิหารอาบูชิมเบล (Abu Simbel Temple)

มหาวิหารอาบูซิมเบล สถานที่ท่องเที่ยวอียิปต์ มีรูปสลักยักษ์ของฟาโรห์รามเสสที่ 2 แกะจากภูเขาหินในอัสวาน

หนึ่งในโบราณสถานที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดของอียิปต์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ริมฝั่งตะวันตกของทะเลสาบนัสเซอร์ (Lake Nasser) ใกล้พรมแดนประเทศซูดาน สร้างขึ้นในรัชสมัยของ ฟาโรห์รามเสสที่ 2 (Pharaoh Ramesses II) แห่งราชวงศ์ที่ 19 ราวศตวรรษที่ 13 ก่อนคริสต์ศักราช เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งพระเกียรติยศของพระองค์และราชินีเนเฟอร์ตารี (Queen Nefertari)

มหาวิหารอาบูซิมเบลประกอบด้วยวิหารหลัก 2 แห่ง ได้แก่

  1. วิหารใหญ่ของรามเสสที่ 2 โดดเด่นด้วยรูปสลักหินขนาดมหึมา 4 องค์ของฟาโรห์ที่ประตูทางเข้า แต่ละองค์สูงถึง 20 เมตร สลักขึ้นจากภูเขาหินทั้งก้อน ภายในมีห้องโถง เสาหิน และภาพสลักนูนต่ำที่บอกเล่าเรื่องราวชัยชนะของฟาโรห์ในสงครามต่าง ๆ
  2. วิหารราชินีเนเฟอร์ตารี ที่สร้างเพื่อถวายแด่เทพีฮาธอร์ (Hathor) เทพีแห่งความรักและดนตรี มีรูปสลักของราชินีและฟาโรห์ประดับอยู่เคียงข้างกันอย่างเท่าเทียม ถือเป็นการแสดงถึงความเคารพและความรักอันลึกซึ้งของรามเสสที่มีต่อพระมเหสี

สิ่งที่น่าทึ่งคือการที่ วิหารทั้งสองถูก ย้ายขึ้นที่สูงกว่าเดิมราว 65 เมตร ในปี ค.ศ. 1968 เพื่อหลีกเลี่ยงการจมน้ำ จากการสร้างเขื่อนอัสวาน (Aswan High Dam) โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) นับเป็นหนึ่งในโครงการย้ายโบราณสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

  • พิกัด: Abu Simbel, Aswan Governorate, Egypt
  • ค่าเข้าชม: ประมาณ 260–400 EGP
  • เวลาเปิด–ปิด: 05.00 – 18.00 น. (ช่วงฤดูร้อน) / 06.00 – 17.00 น. (ช่วงฤดูหนาว)
  • การเดินทาง: จากเมืองอัสวาน (Aswan) เดินทางได้โดยรถบัสหรือเครื่องบิน ใช้เวลาประมาณ 3–4 ชั่วโมง

15. ห้องสมุดแห่งอเล็กซานเดรีย (Library of Alexandria)

ห้องสมุดแห่งอเล็กซานเดรีย อาคารทรงวงกลมสมัยใหม่ รำลึกศูนย์กลางความรู้โบราณของโลก

หนึ่งในสัญลักษณ์ทางปัญญาและวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ตั้งอยู่ในเมืองอเล็กซานเดรีย (Alexandria) ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ประเทศอียิปต์ เดิมทีห้องสมุดแห่งนี้ สร้างขึ้นในยุคกรีกโบราณราวศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช ในรัชสมัยของ พระเจ้าโทรเลมีที่ 1 (Ptolemy I Soter) เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของมนุษยชาติ รวบรวมคัมภีร์และเอกสารกว่า 700,000 เล่ม ก่อนจะถูกทำลายลงในช่วงสงครามโบราณ

ปัจจุบัน ห้องสมุดแห่งอเล็กซานเดรียได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 2002 ภายใต้ชื่อว่า “Bibliotheca Alexandrina” เพื่อรำลึกถึงมรดกทางปัญญาแห่งอดีต อาคารออกแบบอย่างล้ำสมัยโดยสถาปนิกชาวนอร์เวย์ มีรูปลักษณ์คล้าย ดวงอาทิตย์ที่กำลังโผล่ขึ้นจากทะเล ผนังหินแกรนิตแกะสลักด้วยอักษรกว่า 120 ภาษา สื่อถึงการเรียนรู้ของมนุษยชาติทั่วโลก

ภายในมีทั้ง ห้องสมุดหลักที่รองรับหนังสือได้กว่า 8 ล้านเล่ม, ห้องสมุดสำหรับเด็กและผู้พิการทางสายตา, พิพิธภัณฑ์โบราณคดี, ห้องสมุดดิจิทัล, หอดูดาว และศูนย์จัดนิทรรศการศิลปะและวิทยาศาสตร์ นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและศูนย์การศึกษาระดับโลกที่ผสมผสานอดีตกับปัจจุบันได้อย่างลงตัว

  • พิกัด: El Shatby, Alexandria, Egypt
  • ค่าเข้าชม: ประมาณ 70–100 EGP (นักเรียนและนักศึกษามีส่วนลด)
  • เวลาเปิด–ปิด: อาทิตย์–พฤหัสบดี 10.00 – 16.00 น. / ปิดวันศุกร์
  • การเดินทาง: จากใจกลางเมืองอเล็กซานเดรียสามารถนั่งแท็กซี่หรือรถราง (Tram) มายังถนน Corniche ใช้เวลาประมาณ 10 นาที

16. สุสานใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย (Catacombs of Alexandria)

สุสานใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย หรือ สุสานใต้ดินคอม เอล ชูคาฟา แห่งอเล็กซานเดรีย ที่เที่ยวอียิปต์ ที่มีศิลปะผสมผสานอียิปต์ กรีก และโรมัน

หรือที่รู้จักในชื่อ คอม เอล ชูคาฟา (Kom El Shoqafa) เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางโบราณคดีที่สำคัญของเมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 2 ในสมัยโรมันตอนปลาย เพื่อใช้เป็นสุสานของตระกูลชาวอียิปต์-กรีกผู้มั่งคั่งในยุคนั้น

สุสานแห่งนี้มีลักษณะเป็น สุสานใต้ดินสามชั้น (Multi-level Catacombs) ที่เชื่อมต่อกันด้วยบันไดเกลียว โดยผสมผสานศิลปะของสามอารยธรรม ได้แก่ อียิปต์ กรีก และโรมัน อย่างกลมกลืน ภายในประกอบด้วยห้องฝังศพ ห้องพิธีศพ รูปสลักหิน และจิตรกรรมฝาผนังที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ บางภาพแสดงให้เห็นเทพเจ้าอียิปต์ในรูปแบบศิลปะกรีก-โรมัน ซึ่งหาได้ยากยิ่ง

หนึ่งในจุดเด่นของสุสานคือ Hall of Caracalla ห้องโถงขนาดใหญ่ที่เชื่อว่าเคยใช้เก็บศพของทหารม้าในยุคโรมัน และบ่อเกลียว (Spiral Shaft) ซึ่งเป็นทางลงสู่ชั้นล่างสุดของสุสาน มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายโลงศพในสมัยโบราณ ปัจจุบันสุสานคอม เอล ชูคาฟาถือเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของยุคกลาง (Middle Ages) และเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับผู้ที่หลงใหลในประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณ

  • พิกัด: Kom El Shoqafa, Karmouz District, Alexandria, Egypt
  • ค่าเข้าชม: ประมาณ 80–100 EGP
  • เวลาเปิด–ปิด: 09.00 – 17.00 น.
  • การเดินทาง: จากใจกลางเมืองอเล็กซานเดรียสามารถนั่งแท็กซี่หรือรถราง (Tram) ไปยังย่าน Karmouz ใช้เวลาประมาณ 15 นาที

17. เสาปอมเปย์ (Pompey’s Pillar)

เสาปอมเปย์ เสาหินแกรนิตแดงโรมันสูงเด่น กลางเมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์

โบราณสถานอันยิ่งใหญ่และโดดเด่นใจกลางเมืองอเล็กซานเดรีย (Alexandria) ถือเป็น เสาหินโรมันที่สูงที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้ สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 3 หลังคริสต์ศักราช เพื่อ อุทิศแด่ จักรพรรดิไดโอคลีเชียน (Emperor Diocletian) ผู้ปกครองจักรวรรดิโรมันในขณะนั้น

เสาปอมเปย์ทำจาก หินแกรนิตแดงจากเมืองอัสวาน (Aswan Granite) มีความสูงราว 26.85 เมตร และหนักกว่า 285 ตัน ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ เดิมเป็นส่วนหนึ่งของวิหารเซราพิส (Temple of Serapis) ซึ่งเป็นศาสนสถานสำคัญของอเล็กซานเดรียในยุคเฮลเลนิสติก ชื่อ “เสาปอมเปย์” นั้นมาจากความเข้าใจผิดในยุคกลางที่เชื่อว่าเป็นอนุสรณ์ของแม่ทัพปอมเปย์แห่งโรมัน แต่แท้จริงแล้วไม่มีความเกี่ยวข้องกัน

บริเวณรอบเสาปอมเปย์ยังมีซากโบราณสถานของ Serapeum และ อุโมงค์ใต้ดิน ให้เดินชม รวมถึงรูปสฟิงซ์หินแกรนิตจากสมัยอียิปต์โบราณ นักท่องเที่ยวนิยมมาเก็บภาพวิวเสาหินสูงตระหง่านที่สะท้อนกับท้องฟ้าและเมืองอเล็กซานเดรียในฉากหลัง โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ตกที่ให้แสงอบอุ่นสวยงาม

  • พิกัด: Karmouz District, Alexandria, Egypt
  • ค่าเข้าชม: ประมาณ 60–80 EGP
  • เวลาเปิด–ปิด: 09.00 – 17.00 น.
  • การเดินทาง: จากใจกลางเมืองอเล็กซานเดรียสามารถนั่งแท็กซี่หรือรถราง (Tram) มายังย่าน Karmouz ใช้เวลาประมาณ 10–15 นาที

18. ป้อมปราการแห่งไคต์เบย์ (Citadel of Qaitbay)

ป้อมไคต์เบย์ ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมืองอเล็กซานเดรีย จุดชมวิวและประวัติศาสตร์สำคัญ

หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองอเล็กซานเดรีย (Alexandria) ตั้งอยู่ปลายแหลมฟาโรส (Pharos Peninsula) ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ป้อมแห่งนี้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1477 โดย สุลต่านอัล-อัชราฟ ไคต์เบย์ (Sultan Al-Ashraf Qaitbay) แห่งราชวงศ์มัมลุก เพื่อใช้เป็นป้อมปราการป้องกันเมืองจากการรุกรานของกองทัพออตโตมันและศัตรูจากทะเล

จุดที่ตั้งของป้อมไคต์เบย์มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง เพราะ เป็นที่ตั้งเดิมของ ประภาคารอเล็กซานเดรีย (Lighthouse of Alexandria) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณที่พังทลายลงจากเหตุแผ่นดินไหวในช่วงศตวรรษที่ 14 วัสดุบางส่วนจากประภาคารเดิมถูกนำมาใช้สร้างกำแพงของป้อมแห่งนี้ จึงเปรียบเสมือนการสืบสานมรดกของอารยธรรมอียิปต์โบราณไว้ในยุคใหม่

สถาปัตยกรรมของป้อมมีลักษณะเป็นอาคารหินขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยม มีหอคอยและช่องยิงปืนรอบกำแพง ภายในประกอบด้วย พิพิธภัณฑ์ทางทะเล (Naval Museum) ที่จัดแสดงเครื่องมือเดินเรือและอาวุธในอดีต รวมถึงห้องโถงและทางเดินโบราณที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ ไฮไลท์คือวิวทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจากยอดป้อม ซึ่งมองเห็นท้องทะเลสีฟ้าครามและท่าเรืออเล็กซานเดรียได้แบบพาโนรามา

  • พิกัด: Western Harbour, Alexandria, Egypt
  • ค่าเข้าชม: ประมาณ 60–80 EGP
  • เวลาเปิด–ปิด: 09.00 – 17.00 น.
  • การเดินทาง: จากใจกลางเมืองอเล็กซานเดรียสามารถนั่งแท็กซี่หรือรถราง (Tram) มายังท่าเรือ El Anfushi ใช้เวลาประมาณ 15 นาที

19. เมืองโบราณซัคคารา (Saqqara)

เมืองโบราณซัคคารา ที่เที่ยวอียิปต์ พีระมิดขั้นบันได พีระมิดแห่งแรกของโลก สุสานโบราณใกล้กรุงไคโร

หนึ่งในแหล่งโบราณคดีที่สำคัญที่สุดของประเทศอียิปต์ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงไคโร (Cairo) ไปทางใต้ประมาณ 30 กิโลเมตร เมืองโบราณซัคคาราเคยเป็น สุสานหลวงของเมืองเมมฟิส (Memphis) เมืองหลวงเก่าในยุคราชอาณาจักรเก่า (Old Kingdom) และเป็นสถานที่ที่รวบรวมสุสานและพีระมิดจำนวนมากที่สุดแห่งหนึ่งในอียิปต์

จุดเด่นที่สุดของซัคคาราคือ พีระมิดขั้นบันไดของฟาโรห์โจเซอร์ (Step Pyramid of Djoser) ซึ่งถือเป็นพีระมิดแห่งแรกของโลก สร้างขึ้นราว 2,700 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยสถาปนิกชื่อ อิมโฮเทป (Imhotep) พีระมิดนี้มีความสูงประมาณ 60 เมตร และประกอบด้วย 6 ชั้นที่ลดหลั่นกันขึ้นไป สื่อถึงวิวัฒนาการจากสุสานแบบมาสตาบา (Mastaba) ไปสู่พีระมิดสมบูรณ์แบบในยุคต่อมา

นอกจากพีระมิดโจเซอร์แล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถชม สุสานของขุนนาง (Nobles’ Tombs) ที่ประดับด้วยภาพสลักสีสันสดใสเล่าชีวิตประจำวันในยุคโบราณ รวมถึง พีระมิดของอูนา (Pyramid of Unas) และ พีระมิดแห่งเทติ (Teti Pyramid) ซึ่งมีจารึก “Pyramid Texts” อันเก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย ซัคคาราจึงเป็นสถานที่ที่บอกเล่าเรื่องราวการกำเนิดของสถาปัตยกรรมพีระมิดและอารยธรรมอียิปต์ได้อย่างสมบูรณ์

  • พิกัด: Saqqara Necropolis, Giza Governorate, Egypt
  • ค่าเข้าชม: ประมาณ 180–250 EGP (บางสุสานมีค่าเข้าชมเพิ่มเติม)
  • เวลาเปิด–ปิด: 08.00 – 17.00 น.
  • การเดินทาง: จากกรุงไคโรสามารถนั่งแท็กซี่หรือรถตู้ไปยังซัคคารา ใช้เวลาประมาณ 45–60 นาที

20. โอเอซิส ซีวา (Siwa Oasis)

โอเอซิสซีวา ที่เที่ยวอียิปต์เป็นโอเอซิสกลางทะเลทรายสีทอง มีทะเลสาบน้ำใสและวัฒนธรรมเบอร์เบอร์โบราณ

ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศอียิปต์ ใกล้ชายแดนลิเบีย ห่างจากกรุงไคโรประมาณ 750 กิโลเมตร ถือเป็น หนึ่งในโอเอซิสที่มีชื่อเสียงและมีความโดดเด่นด้านวัฒนธรรมมากที่สุดของอียิปต์ เพราะยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมของชนเผ่าเบอร์เบอร์ (Berber) และวัฒนธรรมซีวาน (Siwan Culture) ที่สืบทอดมานับพันปี

โอเอซิสซีวามีทิวทัศน์สวยงามแปลกตา ผสมผสานระหว่างทะเลทรายสีทองกับ ทะเลสาบน้ำเค็มสีฟ้าใส เช่น ทะเลสาบซีวา (Lake Siwa), ทะเลสาบซอลท์ (Salt Lake) ที่มีน้ำใสจนมองเห็นก้นบ่อ และสามารถลอยตัวได้เหมือนทะเลเดดซี ไฮไลท์สำคัญคือ วัดออราเคิล (Temple of the Oracle of Amun) ซึ่งครั้งหนึ่ง อเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great) เคยเดินทางมาขอคำทำนายจากเทพเจ้าอามุน นอกจากนี้ยังมี ภูเขาแห่งความตาย (Mountain of the Dead) ที่เต็มไปด้วยสุสานแกะสลักในหินจากยุคอียิปต์โบราณ

นักท่องเที่ยวนิยมมาเยือนโอเอซิสซีวา เพื่อสัมผัสธรรมชาติอันเงียบสงบ แช่น้ำพุร้อนธรรมชาติอย่าง Cleopatra’s Bath, ขับรถ 4WD ผจญภัยในทะเลทรายเกรตแซนด์ซี (Great Sand Sea) และชมพระอาทิตย์ตกเหนือเนินทรายที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในอียิปต์

  • พิกัด: Siwa Oasis, Matrouh Governorate, Egypt
  • ค่าเข้าชม: ฟรี (บางสถานที่ภายในโอเอซิสมีค่าเข้าชมเล็กน้อย)
  • เวลาเปิด–ปิด: เปิดให้เข้าชมได้ตลอดทั้งวัน
  • การเดินทาง: จากกรุงไคโรหรือเมืองมาร์ซา มาตรูห์ (Marsa Matrouh) สามารถนั่งรถบัสหรือเช่ารถส่วนตัว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8–10 ชั่วโมง

21. ทะเลแดง (Red Sea)

ทะเลแดง ที่เที่ยวอียิปต์ มีน้ำทะเลสีฟ้าใส แหล่งดำน้ำชมปะการังระดับโลก

ปิดท้ายกันด้วย ที่เที่ยวอียิปต์ ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในอียิปต์และตะวันออกกลาง ตั้งอยู่ระหว่างคาบสมุทรอาหรับและทวีปแอฟริกา ทะเลแดงขึ้นชื่อว่าเป็น หนึ่งในแหล่งดำน้ำที่สวยที่สุดในโลก ด้วยน้ำทะเลสีฟ้าใส ปะการังหลากสีสัน และสัตว์ทะเลมากกว่า 1,200 ชนิด ชายฝั่งทะเลแดงของอียิปต์ทอดยาวกว่า 1,800 กิโลเมตร ครอบคลุมเมืองท่องเที่ยวชื่อดังหลายแห่ง เช่น

  • ฮูร์กาดา (Hurghada) – จุดดำน้ำยอดนิยม เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและนักดำน้ำมืออาชีพ
  • ชาร์ม เอล เชค (Sharm El Sheikh) – เมืองตากอากาศสุดหรู มีรีสอร์ทระดับโลกและแหล่งดำน้ำชื่อดังอย่าง Ras Mohammed National Park
  • ดาฮับ (Dahab) – เมืองเล็กบรรยากาศสบาย ๆ เหมาะสำหรับนักเดินทางสายชิลล์และฟรีไดฟ์

นอกจากกิจกรรมทางน้ำอย่างดำน้ำตื้น (Snorkeling), ดำน้ำลึก (Scuba Diving), แล่นเรือใบ และชมพระอาทิตย์ตกริมทะเล นักท่องเที่ยวยังสามารถพักผ่อนในรีสอร์ทหรูริมชายหาด หรือเที่ยวชมทะเลทรายใกล้เคียงได้อีกด้วย ทะเลแดงยังมีสภาพอากาศอบอุ่นตลอดปี เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวทุกฤดูกาล

  • พิกัด: ชายฝั่งตะวันออกของอียิปต์ ตั้งแต่เมืองสุเอซ (Suez) จนถึงชายแดนซูดาน
  • ค่าเข้าชม: ฟรี (บางจุดดำน้ำหรืออุทยานมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม)
  • เวลาเหมาะสำหรับท่องเที่ยว: ตุลาคม – เมษายน อากาศเย็นสบาย เหมาะกับการดำน้ำและทำกิจกรรมกลางแจ้ง
  • การเดินทาง: เดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงไคโรไปยังเมืองฮูร์กาดา หรือชาร์ม เอล เชค ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

บทส่งท้าย

อียิปต์ คือ ดินแดนที่ทำให้การท่องเที่ยว = การย้อนเวลาสู่ประวัติศาสตร์ได้จริง ๆ ทุกสถานที่ล้วนเต็มไปด้วยเรื่องเล่าและมรดกโลกอันทรงคุณค่า สำหรับบทความนี้ได้รวม ถานที่ท่องเที่ยวอียิปต์ ห้ามพลาดไว้ครบแล้ว หากอยากเริ่มทริปแบบไม่หลงทาง แนะนำวางแผนจุดเช็กอินตามธีม (โบราณคดี/ริมน้ำไนล์/ทะเลแดง) กำหนดวันเดินทางให้เหมาะกับจุดหมายแต่ละเมือง สนใจโปรแกรม ทัวร์อียิปต์ หรืออยากให้ช่วยออกแบบเส้นทางส่วนตัว ทักหา ทราเวลซี้ด ได้เลย พร้อมพาคุณไปสัมผัสความยิ่งใหญ่ด้วยตัวเอง!

Facebook Comments
Scroll to Top