เทศกาลน้ำแข็งฮาร์บิน คืออะไร?
เทศกาลน้ำแข็งฮาร์บิน หรือ Harbin Ice & Snow Festival คือเทศกาลฤดูหนาวที่ใหญ่ที่สุดในจีน และถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 3 เทศกาลน้ำแข็งและหิมะที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งใน งานน้ำแข็งระดับโลก (Ice Festival China) ที่คนรักหิมะต้องไปให้ได้สักครั้ง
เทศกาลนี้เริ่มขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1963 ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 1985 และขยายจนกลายเป็นงานระดับนานาชาติที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลักล้านคนต่อปี ความโดดเด่นของเทศกาลคือการสร้างประติมากรรมน้ำแข็งและหิมะขนาดยักษ์ โดยใช้ก้อนน้ำแข็งจากแม่น้ำซงฮวา (Songhua River) มาสกัดเป็นรูปทรงต่าง ๆ เช่น ปราสาท วัดเจดีย์ ประตูเมือง ยานอวกาศ และแลนด์มาร์กจากทั่วโลก
ทุกชิ้นงานจะถูกติดตั้งระบบไฟ LED หลายล้านดวง ทำให้ Ice City แห่งนี้เปล่งประกายในยามค่ำคืน เหมือนเดินอยู่ในโลกแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยสีสัน ยิ่งถ้าคุณเป็นสายถ่ายรูปหรือชอบตามล่ามุมสวย ๆ บอกเลยว่า “ไฟ LED ฮาร์บิน” ช่วยให้ทุกช็อตออกมาดูอลังการแบบไม่ต้องแต่งเยอะ
อัพเดต!! เทศกาลน้ำแข็ง ฮาร์บิน 2026 จัดเมื่อไร?
สำหรับการจัดงานในปี 2026 นี้ เริ่มเข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2025 และจะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 มกราคม 2026 ไปจนถึงปลายกุมภาพันธ์ถึงต้นมีนาคม 2026
*** หมายเหตุ: วันที่อาจแตกต่างกันในแต่ละปี ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและปริมาณน้ำแข็ง ควรเช็กข้อมูลอัปเดตใกล้วันเดินทางอีกครั้ง
อากาศช่วงเทศกาลเทศกาลน้ำแข็ง ฮาร์บิน
ฤดูหนาวของฮาร์บินขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่หนาวที่สุดของจีน และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เมืองแห่งนี้สามารถจัดงานประติมากรรมน้ำแข็งได้อย่างยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย ใครที่อยากรู้ว่า อากาศฮาร์บินเดือนธันวาคม–มกราคม เป็นอย่างไร ลองดูภาพรวมนี้ได้เลย
อุณหภูมิในช่วงเทศกาลจะลดต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยอยู่ที่
• -15°C ถึง -25°C ในช่วงกลางวัน
• กลางคืนที่ลมแรงอาจลดลงไปถึง -30°C หรือมากกว่านั้นในบางวัน
• เดือนที่หนาวที่สุดคือ เดือนมกราคม ซึ่งเป็นช่วงพีคของเทศกาล
ให้นึกภาพง่าย ๆ ว่า ความหนาวในระดับ “ลมหายใจกลายเป็นไอ” อาจทำให้หลายคนรู้สึกท้าทาย แต่ในอีกมุมหนึ่ง นี่คือจุดที่ทำให้เทศกาลน้ำแข็งฮาร์บินสวยที่สุด เพราะอุณหภูมิติดลบแบบนี้ช่วยให้ประติมากรรมน้ำแข็งยืนรูป ไม่ละลาย และคงความแวววาวตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในตอนกลางคืนที่เปิดไฟ LED สีสันต่าง ๆ บนปราสาทน้ำแข็ง ทำให้บรรยากาศเหมือนอยู่ใน “เมืองน้ำแข็งแฟนตาซี” เลย
นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เคยไปต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “หนาวมาก แต่คุ้มมาก” เพราะอากาศติดลบคือเสน่ห์สำคัญของงานนี้ ยิ่งหนาวเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ประติมากรรมน้ำแข็งดูคมชัดและสวยงามยิ่งขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ฮาร์บินจะกลายเป็นจุดหมายยอดฮิตสำหรับคนที่ต้องการสัมผัสฤดูหนาวแบบ Extreme ที่ทั้งสวย และน่าจดจำที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
โซนยอดฮิตที่ห้ามพลาดของเทศกาลน้ำแข็งฮาร์บิน
เทศกาลน้ำแข็งฮาร์บินแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่ แต่ถ้าพูดถึง “โซนที่ต้องไปที่สุด” นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะพูดตรงกันว่า มีทั้งหมด 4 โซนหลัก ที่ควรเก็บให้ครบ เพราะเป็นเหมือนลายเซ็นของเทศกาลนี้ โดยเฉพาะสำหรับคนที่วางแผนไป เที่ยวฮาร์บิน ครั้งแรก และถ้าอยากรู้ว่ามีจุดไหนเพิ่มเติม แนะนำให้ดูจากบทความ ที่เที่ยวฮาร์บิน รวมครบทุกจุดเช็กอินที่ไม่ควรพลาด ว่าแต่โซนยอดฮิตจะมีตรงไหนบ้างไปดูกันเลย
1) Ice & Snow World – อลังการที่สุดของเทศกาล
นี่คือไฮไลต์ใหญ่ที่สุดของเทศกาลน้ำแข็งฮาร์บิน และเป็นโซนที่ผู้คนจากทั่วโลกตั้งใจบินมาเพื่อชมโดยเฉพาะ ขนาดพื้นที่กว้างเท่ากับ “เมืองน้ำแข็งขนาดย่อม” เต็มไปด้วยงานประติมากรรมน้ำแข็งที่ถูกสร้างขึ้นจากน้ำแข็งใสจากแม่น้ำซงฮวาถูกแกะสลักอย่างประณีต
⭐ จุดเด่นของ Ice & Snow World
- ประติมากรรมน้ำแข็งขนาดยักษ์ สูงเท่าตึก 4–6 ชั้น สวยจนเหมือนฉากในภาพยนตร์แฟนตาซี
- ปราสาทน้ำแข็ง (Ice Castle) แลนด์มาร์กยักษ์ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาล
- ไฟ LED สุดอลังการทั่วทั้งเมืองน้ำแข็ง ทำให้ตอนกลางคืนสวยเป็นพิเศษ
- สไลเดอร์น้ำแข็งยักษ์ เล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
- ลานกิจกรรมหิมะ เช่น เล่นเลื่อนหิมะ ขับสโนว์โมบิล และ Ice Biking
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: กลางคืน เพราะไฟ LED จะทำให้เมืองน้ำแข็งทั้งเมืองเปล่งประกาย ควรเผื่อเวลาอย่างน้อย 2–3 ชั่วโมง
2) Sun Island Snow Sculpture Art Expo – ศิลปะประติมากรรมหิมะระดับโลก
โซน Sun Island มีชื่อเสียงด้านศิลปะหิมะที่เน้นความละเอียดอ่อน ความสมจริง และขนาดชิ้นงานที่ใหญ่อลังการกว่างานแกะสลักทั่วไป เหมาะกับคนที่ชอบงานศิลปะและอยากชมเทคนิคแกะสลักหิมะที่พิถีพิถันที่สุดในเทศกาล
⭐ จุดเด่นของ Sun Island
- งานแกะสลักหิมะขนาดยักษ์ บางชิ้นยาวเกือบ 100 เมตร
- ดีไซน์ที่ผสมผสานความเป็น จีน + รัสเซีย + ยุโรป อย่างลงตัว
- โทนสีขาวล้วนแบบ “Snow Wonderland” ที่ถ่ายรูปมุมไหนก็ออกมาสวย
- มีพื้นที่ให้เดินสบาย ๆ เหมาะกับการชมงานแบบชิล ๆ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: กลางวัน เพราะแสงธรรมชาติช่วยให้เห็นรายละเอียดของลวดลายหิมะชัดเจนที่สุด
3) Zhaolin Park – สวนโคมไฟน้ำแข็งสุดโรแมนติกสำหรับทุกวัย
Zhaolin Park ถือเป็นโซนที่หลายคนอาจไม่รู้จักมากเท่า Ice & Snow World แต่จริง ๆ แล้วเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีเสน่ห์แบบเฉพาะตัว โดยเฉพาะสำหรับ ครอบครัว คู่รัก และคนที่ชอบถ่ายรูปโทนสว่างสดใส
⭐ จุดเด่นของ Zhaolin Park
- โคมไฟน้ำแข็ง (Ice Lanterns) หลายร้อยแบบ ตั้งแต่รูปสัตว์ มังกร ตัวการ์ตูน ไปจนถึงบ้านเรือนในเทพนิยาย
- บรรยากาศอบอุ่นแม้อยู่ในความหนาว เพราะมีแสงไฟหลากสีสันอยู่ทั่วสวน
- มีกิจกรรมสำหรับเด็ก เช่น ลานเลื่อนหิมะ ม้าหมุนหิมะ และโซนสำหรับครอบครัว
- ขนาดพื้นที่ไม่ใหญ่จนเกินไป เดินง่าย
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: หลังพระอาทิตย์ตกดิน ไฟโคมที่ส่องทั่วสวนทำให้สถานที่นี้ดูโรแมนติกมาก
4) Zhongyang Street – ถนนคนเดินสไตล์ยุโรปกลางเมืองฮาร์บิน
Zhongyang Street หรือ “Central Street” เป็นถนนคนเดินที่ยาวกว่า 1.4 กิโลเมตร ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปคลาสสิกตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 19 ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่รัสเซียมากกว่าประเทศจีน
⭐ จุดเด่นของ Zhongyang Street
- อาคารสไตล์บาโรกและยุโรปคลาสสิกเก่าแก่
- ร้านอาหารและคาเฟ่ชื่อดัง เช่น ไอศกรีม Modern Ice Cream ที่กินหน้าหนาวอร่อยเป็นพิเศษ
- ร้านขายของฝากและเสื้อกันหนาวคุณภาพดี
- บรรยากาศครึกครื้นเหมาะสำหรับเดินเล่น ถ่ายรูป และพักผ่อนหลังเที่ยวงานน้ำแข็ง
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: เย็น–ค่ำ เป็นช่วงที่ถนนถูกเปิดไฟ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและสวยงาม
การเตรียมตัวและเสื้อผ้าในอากาศ -30°C เมื่อมาเที่ยวเทศกาลน้ำแข็งฮาร์บิน
ไปฮาร์บินครั้งแรก หลายคนอาจตกใจว่า “ต้องเตรียมตัวขนาดไหนถึงจะสู้ลมหนาวติดลบได้?” คำตอบคือ…ต้องเตรียมให้พร้อมเหมือนจะไปเดินในตู้แช่แข็งกลางแจ้ง เพราะอากาศที่ฮาร์บินไม่เหมือนญี่ปุ่นหรือเกาหลี หนาวแบบ “บาดผิว” และ “ลมแรงจนชา” โดยเฉพาะตอนเย็นที่อุณหภูมิอาจลดลงถึง -30°C ดังนั้น การเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมและการใส่แบบหลายเลเยอร์จึงสำคัญมาก
1. Layer ที่ควรใส่ (ใส่หลายชั้นดีที่สุด)
การใส่หลายเลเยอร์คือกฎทองของการเดินทางไปเมืองหนาวระดับ Extreme เพราะจะช่วยเก็บความร้อน และยังทำให้ปรับอุณหภูมิตามสถานการณ์ได้ง่ายขึ้น เช่น เข้าร้านกาแฟร้อน ๆ หรือเดินกลางลมแรง
ชั้นใน (Base Layer) – สำคัญที่สุด
- แนะนำ Heattech แบบหนา หรือผ้าเทอร์มอลคุณภาพดี
- เสื้อรัดรูปกันหนาวช่วยโอบรัดร่างกายและเก็บความร้อนได้ดี
📌 ทิป: เลือกเนื้อผ้าที่แห้งเร็วและระบายอากาศ เพราะเหงื่อสะสมจะทำให้ตัวเย็นเร็วขึ้นในอากาศติดลบ
ชั้นกลาง (Mid Layer) – เก็บความร้อน
- สเวตเตอร์ขนแกะ (Fleece) หรือขนเป็ดบาง
- เสื้อไหมพรมที่ไม่หนัก แต่ให้ความอบอุ่นกำลังดี
📌 ทิป: เลือกแบบไม่หนามากที่สุด เพราะถ้าชั้นกลางหนาเกินไปจะทำให้ใส่ชั้นนอกยากและอึดอัด
ชั้นนอก (Outer Layer) – กันลม กันหิมะ
- เสื้อโค้ทขนเป็ด หรือ Parka กันลม
- รุ่นที่มี Hood พร้อมขนเฟอร์ ช่วยบังลมที่ตีหน้าได้ดีมาก
📌 ทิป: ถ้าเจอคำว่า “Windproof / Waterproof / Down 80–90%” ถือว่าดีมากสำหรับทริปนี้
2. อุปกรณ์ที่จำเป็น (สำคัญไม่แพ้เสื้อผ้า)
- อุปกรณ์เสริมพวกนี้ช่วยชีวิตในอากาศลบเลขสองหลักได้จริง โดยเฉพาะเวลาต้องเดินเล่นในงาน Ice & Snow World ตอนกลางคืน
- ถุงมือแบบฟลีซ + ถุงมือหนังทับอีกชั้น สวม 2 ชั้นเพื่อกันลมเย็นที่ทำให้ปลายนิ้วชาเร็วมาก
- หมวกไหมพรม ช่วยป้องกันความร้อนบนศีรษะ (ร่างกายสูญเสียความร้อนทางศีรษะมากที่สุด)
- ผ้าพันคอหรือ Neck Warmer ป้องกันลมเย็นไม่ให้เข้าเสื้อ และช่วยบังใบหน้าเวลาเจอลมแรงจัด
- รองเท้าบูทกันลื่นพื้นยาง พื้นถนนในฮาร์บินมักลื่นเพราะน้ำแข็งเกาะตลอดฤดูหนาว เลือกรองเท้าที่มีพื้นยางหยาบและซับในกันหนาว
- ถุงร้อน (Hand Warmer / Body Warmer) ไอเทมช่วยชีวิต ใส่ในกระเป๋าเสื้อหรือถุงมือ ช่วยให้อุ่นขึ้นมากเวลาถ่ายรูปหรือเดินนาน ๆ
3. ป้องกันโทรศัพท์ดับจากอากาศหนาว
อากาศติดลบในฮาร์บินส่งผลโดยตรงต่อแบตเตอรี่โทรศัพท์ ทำให้เครื่องดับเร็วมาก แม้แบตยังเหลือ 70–80% ก็ตาม โดยเฉพาะเวลาถ่ายรูปกลางคืนที่หนาวจัด
วิธีป้องกันง่าย ๆ
- พก Powerbank ติดตัวเสมอ เลือกแบบที่ทนความเย็นได้ดี
- เก็บมือถือไว้ในกระเป๋าด้านในเสื้อ ใช้ไออุ่นจากร่างกายช่วยชะลอการดับ
- หลีกเลี่ยงถ่ายรูปต่อเนื่องเกิน 15–20 นาที ยิ่งยืดมือถือออกไปเจอลมเย็น มือถือจะดับเร็วมาก
- ถ้าดับไปแล้ว ให้อุ่นเครื่องในเสื้อสักพัก ก่อนค่อยเปิดใหม่
📌 ทิป: ถ้าต้องการถ่ายรูปนาน ๆ ให้ใช้ กล้องจริง และเก็บมือถือไว้ในเลเยอร์ด้านใน







