SUMMER IN SEOUL หรรษาหน้าร้อนกรุงโซล ☀

กรุงโซล มหานครและเมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ ที่มีประวัติยาวนานกว่า 600 ปี จึงทำให้เมืองนี้เป็นจุดศูนย์รวมด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็น วัฒนธรรม การศึกษา เศรษฐกิจ การเมือง และมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่งที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติที่เคียงคู่เกาหลีมาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังมีแหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงหลากหลายแห่งที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกหรือแม้แต่คนเกาหลีเองก็นิยมมาละลายเงินวอนกันที่นี่

นักท่องเที่ยวส่วนมากอาจจะติดภาพมองว่าไปเกาหลีต้องไปหน้าหนาวหรือฤดูใบไม้ร่วงถึงจะสนุก ได้เล่นสกีบนลานหิมะ ได้ชมใบไม้เปลี่ยนสี ได้แต่งตัวในแบบที่ไทยแต่งไม่ได้ ใส่เสื้อโค้ทหนาๆ เสื้อไหมพรมสีสันสวยงาม หรือบูทยาวหลายสไตล์ บทความนี้ Travelzeed จะนำทุกท่านไปชมบรรยากาศเกาหลีในช่วงหน้าร้อน ที่จะทำให้ทุกคนหลงรัก

ทริปนี้เราไปทัวร์เกาหลี 5 วัน 3 คืน เดินทางวันที่ 21-25 สิงหาคม 2562 โดยสายการบิน Air Asia

สภาพอากาศที่โซลในช่วงนี้ค่อนข้างคล้ายกับหน้าร้อนบ้านเรา อุณหภูมิประมาน 30-32 องศา แดดค่อนข้างร้อน และมีฝนตกบ้างเป็นบางวัน สิ่งที่ควรพกติดตัวไปในทริปนี้ด้วย คือ ร่ม หมวก และ ครีมกันแดด โดยในคืนแรกหลังจากลงเครื่องที่สนามบินอินชอน เราพักที่โรงแรม Incheon Grand Palace Hotel  และคืนที่ 2 และ 3 พักที่โรงแรม Marina Bay Hotel ทั้ง 2 แห่ง เป็นโรงแรมเปิดใหม่ ห้องพักสวยงามสะอาดสะอ้าน อาหารเช้าบริการดี รสชาติถูกปาก มีร้านสะดวกซื้อใกล้ที่พัก

พร้อมแล้วไปชมภาพบรรยากาศสวยๆ ที่ทาง Travelzeed เก็บมาฝากทุกท่านกันได้เลย

“SUMMER IN SEOUL, SO HOT! SO GOOD!”

 

DAY 1 : ถนนแคฮังนูรี  – Paradise City – สวนสนุก Everland – ช้อปปิ้งย่านฮงแด

สถานที่แรกเราเดินทางแต่เช้าไปกันที่ “ถนนแคฮังนูรี” (개항누리길) โดยตั้งอยู่ในย่านไชน่าทาน์ ที่เมืองอินชอนนี่เอง เป็นถนนที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมของ 3 ประเทศ ได้แก่ เกาหลี จีน และญี่ปุ่น ที่รวมเป็นหนึ่ง ณ สถานที่แห่งนี้ ตัวอาคารบ้านเรือนบริเวณนี้จะยังคงความเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ มีมุมเก๋ๆไว้ให้ถ่ายรูปเพียบ โดยส่วนมากก็จะเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และร้านกาแฟน่ารักๆ ใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่คนไม่พลุกพล่าน มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ไม่ควรพลาดที่นี่เด็ดขาด

จากนั้นมาต่อกันที่ “Paradise City” เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินสุดชิคแห่งใหม่ ไม่ซ้ำใคร เรียกได้ว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมความบันเทิงครบวงจร บริเวณด้านในมีทั้งโรงแรม แกลอรี่ คาสิโน สวนสุก สระว่ายน้ำ แหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารจำนวนมาก บริเวณด้านหน้าของอาคารมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแสนสะดุดตา โดยบริเวณทางเข้ามีรูปร่างคล้ายดวงตาสีเหลืองทองอร่าม โดยในแต่ละเดือนจะมีการจัดนิทรรศการแตกต่างกันไป นักท่องเที่ยวสายอาร์ตอย่าลืมแวะมาชมผลงานศิลปะและแวะถ่ายรูปกันได้ที่นี่นะคะ

ช่วงบ่าย แวะพักทานอาหารกลางวันด้วยปิ้งย่างเกาหลี มีเนื้อสัตว์ให้เลือกหลากหลายแบบ พร้อมเครื่องเคียงนานาชนิด รวมไปถึงของหวานตบท้าย อิ่มอร่อยเตรียมพร้อมลุยต่อ !

ไฮไลท์ของกรุงโซลอีกหนึ่งที่ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ ก็ไม่ควรมองข้ามดินแดนในฝันแห่งนี้เด็ดขาด นั่นก็คือ “สวนสนุกเอเวอร์แลนด์” (Everland) สวนสนุกขนาดใหญ่และดีที่สุดของเกาหลีใต้ ครบครันด้วยโซนเครื่องเล่น กิจกรรมแสนสนุก และสวนสัตว์ซาฟารีที่พร้อมให้บริการ การันตีความยอดเยี่ยมของสวนสนุกแห่งนี้ด้วยจำนวนผู้เข้าชมมากกว่า 7 ล้านคนต่อปี

เครื่องเล่นยอดฮิตอันดับ 1 ของสวนสนุกเอเวอร์แลนด์อย่าง รถไฟเหาะ T-Express รถไฟเหาะรางไม้ที่สูงที่สุดในโลก มีความชันถึง 77 องศา วิ่งด้วยความเร็วสูง 104 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระยะทาง 56 เมตร ใช้เวลาเพียง 3 นาที ที่ต้องต่อคิวรอเล่นอย่างน้อย ครึ่งชั่วโมงไปจนถึง 3 ชั่วโมง เรียกได้ว่าเสียงมีเท่าไหร่ ก็ร้องออกมาให้หมด ความตื่นเต้นและหวาดเสียวไม่เป็นรองใครแน่นอน

Source: Coasters and more

โดยความพิเศษของการมาช่วงหน้าร้อนก็คือ โซนสวนน้ำ ที่จะเปิดให้บริการเฉพาะช่วงฤดูร้อนเท่านั้น

source : ww2.ifm.kr

ได้นั่ง cable car ลงมาบริเวณด้านล่างของสวนสนุกด้วย ชื่นชมบรรยากาศ มองเห็นภาพมุมกว้างของสวนสนุกจากมุมสูง

มื้อเย็นเราแวะทานอาหารค่ำ เมนูจิมดัก หรือ ไก่ผัดซอสซีอิ๊วดำวุ้นเส้น (Jimdak) ณ ร้าน Andong Jimdak ร้านชื่อดังที่ขายแต่เฉพาะเมนูจิมดักเท่านั้น โดยวัตถุดิบหลักประกอบไปด้วย ไก่ วุ้นเส้น มันฝรั่ง หัวหอม และ แครอท เป็นเมนูดั้งเดิมมีชื่อเสียงมากๆ ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ รับรองได้ว่าฟินสุดๆไปเลย

อิ่มท้องแล้วก็ได้เวลาออกไปเดินช้อปปิ้งย่อยอาหารกันต่อสักหน่อย เราไปต่อกันที่ “ย่านฮงแด” (Hongdae Shopping street) เป็นย่านช้อปปิ้งบริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยฮงอิก (Hongik University) ร้านค้าหลากหลายประเภทตั้งเรียงรายเต็มถนนสองฟากข้าง ส่วนมากมักจะเป็นร้านเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าแฟชั่นที่อัพเดตกันวันต่อวัน แถมราคาเอื้อมถึง ไม่แพง เนื่องจากเป็นแหล่งศูนย์รวมของเด็กวัยรุ่นและเด็กมหาลัย นอกจากนี้ ร้านอาหารส่งกลิ่นหอมเย้ายวนก็มีให้ทุกท่านได้เลือกสรรเช่นกัน

 

Day 2 : วัดพงอึนซา – Coex Mall – ตลาดทงอิน – พระราชวังเคียงบกกุง – ช้อปปิ้งย่านเมียงดง

อีกหนึ่งวัดสำหรับชาวพุทธที่คนเกาหลีนิยมมาไหว้พระขอพรกันนั้น ก็คือ “วัดพงอึนซา” (Bongeunsa Temple) เป็นวัดที่เก่าแก่มาก สร้างตอนอาณาจักรสมัยชิลลาเป็นวัดที่มีพื้นที่บริเวณที่ใหญ่ และอยู่ในย่านธุรกิจเขตคังนัม แต่กลับร่มรื่น และสงบเป็นอย่างมาก ในช่วงที่เราไปเป็นเดือนสิงหาคม เป็นฤดูร้อนของเกาหลี ก็จะมีเทศกาลดอกบัวตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของวัดเลย นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปหินอ่อนแกะสลัก มีรึกเทบุล (미륵대불) ความสูง 23 เมตร เป็นรูปปั้นที่สูงที่สุดในเกาหลี และเป็นสัญลักษณ์สำคัญของวัดพงอึนซา สร้างขึ้นในปี 1986 และใช้เวลาสร้างถึง 10 ปี และที่ลานรูปปั้น ยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมต่างๆ อีกด้วย

ออกจากวัดพงอึนซา ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม เดินต่อไปอีกไม่ไกล ก็จะเจอกับ “Coex Mall” ศูนย์กลางการค้าใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ตั้งอยู่ในตึก Korea World Trade Center ซึ่งเป็นอาคารที่ตั้งของหน่วยงานทางการค้ามากมาย รวมทั้งเป็นสถานที่จัดประชุม และจัดแสดงสินค้าอยู่เป็นประจำ จึงทำให้มีความโดดเด่นและสมารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมอยู่เป็นประจำ และยังมีห้องสมุด “Starfield Library” ที่เป็นจุดเช็คอินที่มีการออกแบบตกแต่งที่สวยงามแปลกตา ไม่น่าเบื่ออย่างที่เรามักจะนึกภาพห้องสมุดกัน

ช่วงบ่ายวันนี้เราไปทานอาหารกันที่ “ตลาดทงอิน” ที่ตั้งอยู่ในย่านฮโยจาดง ติด 1 ใน 10 street food ของเอเชีย  จุดพิเศษของตลาดแห่งนี้ที่ไม่เป็นกับตลาดอื่นๆ คือ ประสบการณ์ในการลองลิ้มชิมรสอาหาร ได้หลากหลายเมนูในราคา 5,000 วอน ในรูปแบบ lunch box

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เราเดินทางไปยัง “พระราชวังเคียงบกกุง” (Gyeongbokgung Palace) เป็นพระราชวังที่สวยงามที่สุดในเกาหลี เนื่องจากฉากหลังของพระราชวังนั้นเป็นเขาพูกักซาน สวยงามดั่งภาพวาดในนิยาย นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่นี่นิยมเช่าชุดฮันบก ชุดประจำชาติเกาหลี มาใส่เดินถ่ายรูปภายในพระราชวัง รอบนี้เราก็ไม่พลาดไปเช่าชุดมาใส่ด้วยเช่นกัน มีสีและลายให้เลือกใส่หลากหลาย ในราคาไม่แพง ใส่ถ่ายรูปคนเดียวก็เก๋ ถ่ายกับเพื่อนยิ่งเลิศเข้าไปอีก

พอถ่ายรูปจนหนำใจ มุ่งหน้าสู่ย่านช้อปปิ้งเมียงดง ที่เปรียบเสมือนย่านสยามสแควร์ที่ไทย เป็นแหล่งรวมแฟชั่นแบรนด์เกาหลีชั้นนำ ทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง คอนแทคเลนส์ แว่นตา และเครื่องประดับละลานตา ที่มีให้เลือกซื้อเลือกหากันอย่างจุใจ

สำหรับมื้อเย็นวันนี้ รับประทานบุฟเฟต์ขาปู ซูชิ และเมนูซีฟู๊ดมากมายที่ห้องอาหารโรงแรม Loisir hotel

 

Day 3 : หอคอย N Seoul Tower – ย่าน Ikseondong Hanok – ตลาดปลานอร์ยางจิน – Hyundai Premium Outlets Songdo

เช้านี้หลังจากรับประทานอาหารที่โรงแรมแล้ว ก็นั่งรถมุ่งหน้าสู่ภูเขานัมซาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของหอคอย “N Seoul Tower” 1 ใน 18 หอคอยเมืองที่สูงที่สุดในโลก มีความสูงถึง 480  เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เมื่อขึ้นไปด้านบนหอคอย เราจะสามารถมองวิวกรุงโซลได้รอบทิศทาง ถึง 360 องศา และยังมีจุดแลนด์มาร์คสำคัญอย่างกุญแจล็อกความรักหลายหมื่นหลายแสนอันที่ห้อยอยู่บนกำแพง คู่รักนิยมขึ้นไปคล้องกุญแจคู่กันที่นี่ เพราะเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตรักของทั้งคู่มั่นคงยืนยาว ไม่พรากจากกันตลอดไป ทั้งนี้ยังมีร้านขายของฝากที่ระลึกไว้ให้เลือกช็อปกันอีกด้วย

สถานที่ต่อไปที่เราไปกันคือ “ย่านอิกชอนดงฮันอก” (Ikseondong Hanok street) เมื่อก่อนที่นี่เป็นหมู่บ้านเกาหลีโบราณ (Hanok Village) ตั้งแต่ปี 1920 และจากนั้นได้มีการปรับเปลี่ยนมาเป็นร้านคาเฟ่เก๋ๆ ขายอาหาร ร้านขายของน่ารักๆ ขายดอกไม้ สวยงามพร้อมกลิ่นหอมฟุ้ง เปิดเรียงรายอยู่ภายในหมู่บ้านเล็กๆนี้เยอะมาก หนุ่มสาวเกาหลีต่างจูงมือพากันมาเดินเล่น Hang out ถ่ายรูปอัพโซเชียลกันอย่างคึกคัก

“ตลาดปลานอร์ยางจิน” (Noryangjin fish market) คือสถานที่ที่เราเดินทางมารับประทานอาหารกลางวัน เป็นตลาดขายปลีกและส่งสินค้าซีฟู้ดขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเกาหลีใต้ ด้วยจำนวนร้านค้าราวเกือบหนึ่งพันกว่าร้านทำให้ที่นี่เป็นแหล่งชิมอาหารทะเลสดที่ราคาไม่แพงยอดนิยมประจำกรุงโซลไปด้วย ร้านอาหารที่เราไปรับประทานอยู่บริเวณชั้น 5 ของอาคาร โดยเมนูในวันนี้คือ ซาซิมิ ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าอร่อยสุดๆไปเลยค่ะ เนื้อปลาสดเด้งและหวานนุ่มลิ้นมาก หากใครมีโอกาสมา อยากให้มาลองทานกันให้ได้ค่ะ

อิ่มหนำสำราญกับอาหารทะเลมื้อใหญ่แล้ว ก็ไปต่อกับสถานที่สุดท้ายในทริปนี้ ที่ต้องช้อปกันให้ล้มก่อนกลับก็คือ “Hyundai Premium Outlets Songdo” ที่อยู่ในเขตอินชอน แหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนมดังต่างๆ ภายในเอ้าท์เลทมีร้านค้าตั้งแต่แบรนด์เนมหรูไปยังแบรนด์ขายปลีกย่อยทั่วไป บริเวณกลางลานกว้างก็ยังมีน้ำพุเปิดให้ครอบครัวมานั่งปิคนิค ให้เหล่าเด็กน้อยวิ่งเล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างสนุกสนาน และยังมีร้านค้าเปิดขายอาหารและสินค้าท้องถิ่นมากมาย

ปิดท้ายด้วยเมนูชาบูชาบูสไตล์เกาหลี ก่อนกลับไทย เป็นอาหารเกาหลีแบบดั้งเดิม ลักษณะคล้ายสุกี้หม้อไฟของญี่ปุ่น แต่จะมีรสชาติต่างกันเล็กน้อย จะเป็นการนำผักหลากหลายชนิด เห็ดต่างๆ ฟองเต้าหู้ เนื้อหมู รวมกันไว้ในหม้อ และจะเติมด้วยน้ำซุปร้อนๆ แล้วต้มจนเดือด เมื่อจะรับประทานก็จะนำเส้นลงต้ม หรือจะรับประทานพร้อมกับข้าวสวยก็ได้

 

คราวหน้าเราจะพาไปรีวิวที่ไหนอีก รอติดตามชมได้เลยนะคะ

“ให้ความสุขมันเริ่มได้ ที่ใจของเราเองนะ ”
ทราเวลซี้ด

 

?โปรแกรมทัวร์เกาหลีใต้ :  https://bit.ly/2yONb3u

?Instragram : @travel_zeed

?Facebook https : https://www.facebook.com/Travelzeed/

?Youtube Channel : https://bit.ly/2J1yNfZ

?สอบถามข้อมูลโปรแกรมทัวร์ : https://line.me/R/ti/p/@travelzeed

 

Facebook Comments
Scroll to Top