อยากไป เที่ยวฝรั่งเศส แต่ไม่รู้จะเริ่มจากเมืองไหนดีใช่ไหมล่ะ? จริง ๆ แล้วประเทศฝรั่งเศสไม่ได้มีดีแค่หอไอเฟลเท่านั้นนะ! แต่ยังเต็มไปด้วยเมืองสวย ๆ บรรยากาศเก๋ ๆ ไม่ว่าคุณจะสายชิล สายถ่ายรูป สายกิน หรือสายดื่มไวน์ รับรองเลยว่าต้องตกหลุมรักฝรั่งเศสแน่นอน และวันนี้ Travelzeed ขอแนะนำ 10 เมืองยอดฮิต พร้อมจุดเช็คอินสุดฮอท! จะมีที่ไหนบ้างไปดูกันเลย!!!!

10 เมืองยอดฮิตของฝรั่งเศส พร้อมจุดเช็คอินที่ห้ามพลาด!

1. เมืองปารีส (Paris)

หากจะพูดถึงจุดเริ่มต้นของการ เที่ยวฝรั่งเศส สำหรับใครหลายคน ชื่อเมืองแรกที่มักจะนึกถึงก็คือ “ปารีส” เมืองหลวงเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์สุดคลาสสิก ผสมผสานความสวยงามของประวัติศาสตร์เข้ากับชีวิตสมัยใหม่ได้อย่างลงตัวมาก ๆ นอกจากนี้ ปารีสยังเป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจสำหรับนักออกแบบ แฟชั่นนิสต้า และคนรักอาหาร เพราะที่นี่คือบ้านของแฟชั่นชั้นสูง การทำอาหารฝรั่งเศสสูตรต้นตำรับ และตลาดนัดศิลปะที่มีชีวิตชีวาในทุกมุมเมือง เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหลจริง ๆ และที่สำคัญเดินทางได้ตลอดทั้งปีอีกด้วย

📌 จุดเช็คอินยอดนิยมในปารีส ที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวฝรั่งเศส

• หอไอเฟล (Eiffel Tower)

สัญลักษณ์ระดับโลกที่ใครมา เที่ยวฝรั่งเศส โดยเฉพาะปารีสก็ต้องมาเช็กอิน นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นลิฟต์ไปชมวิวจากชั้นบนสุดที่เห็นเมืองทั้งเมืองแบบพาโนรามาได้ หรือจะเลือกมุมถ่ายรูปคู่กับหอไอเฟลจากริมแม่น้ำแซนก็โรแมนติกสุด ๆ และยิ่งถ้าเป็นช่วงกลางคืนที่หอไอเฟลเปิดไฟระยิบระยับทุกชั่วโมง บอกเลยว่ามันคือโมเมนต์ในฝันของนักเดินทางหลายคน

• พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum)

พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในโลก ภายในเต็มไปด้วยผลงานระดับตำนาน ทั้งภาพวาด “โมนาลิซา” ของเลโอนาร์โด ดาวินชี รูปปั้นวีนัสแห่งไมโล และศิลปวัตถุจากอารยธรรมโบราณมากมาย ใครที่ชอบศิลปะไม่ควรพลาดเลยค่ะ

• ถนนช็องเซลีเซ (Champs-Élysées)

หนึ่งในถนนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก และยังเป็นถนนที่มีค่าเช่าที่แพงที่สุดในโลกอีกด้วยนะ ช็องเซลีเซคือถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนม คาเฟ่สุดคลาสสิก และบรรยากาศชิลล์ ๆ เหมาะกับการเดินเล่นแบบแฟชั่นนิสต้าตัวจริง ปลายทางของถนนนี้คือประตูชัย (Arc de Triomphe) ที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ และยังนับว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของปารีส

2. เมืองลียง (Lyon)

เมืองใหญ่อันดับสามของประเทศที่ได้รับการขนานนามว่า “เมืองหลวงแห่งอาหารของฝรั่งเศส” ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเชฟชื่อดังหลายคน และเต็มไปด้วยร้านอาหารท้องถิ่นแบบ bouchons lyonnais (อ่านว่า บู-ชง ลี-ยอ-เนส์) ซึ่งเสิร์ฟอาหารพื้นเมืองแบบดั้งเดิม เช่น ไส้กรอก, สลัดลียง เครื่องในวัว และตับห่าน นอกจากมีความโดดเด่นเรื่องอาหาร ลียงยังมีเสน่ห์ในด้านศิลปะ ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเมืองเก่าแบบเรอเนซองส์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก รวมไปถึงร่องรอยซากโรมันที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน

📌 จุดเช็กอินยอดนิยมในลียง ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวฝรั่งเศส

• เมืองเก่าลียง (Vieux Lyon)

ย่านเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยอาคารยุคเรอเนซองส์สุดคลาสสิก เต็มไปด้วยซอยแคบ ๆ แบบโบราณที่เรียกว่าทราบูลส์ (traboules) และร้านอาหารพื้นเมืองสไตล์บูชง (Bouchon) มากมาย นับว่าเป็นหนึ่งในเขตเมืองเก่ายุคกลางที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และเป็นหัวใจของลียง

• มหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งฟูร์วิแยร์ (Basilica of Notre-Dame de Fourvière)

มหาวิหารสีขาวที่ตั้งบนเนินเขาฟูร์วิแยร์ จากวิหารสามารถมองเห็นวิวของเมืองลียงได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว ภายในวิหารตกแต่งด้วยกระจกสีและศิลปะโมเสก นอกจากนี้ยังเป็นจุดชมวิวหลักของเมืองแล้ว ยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวลียงอีกด้วย

• โรงละครโรมันกาโล-โรมัน (Theatre Gallo-Romain)

โรงละครกลางแจ้งยุคโรมันที่มีอายุกว่า 2,000 ปี ตั้งอยู่ใกล้เนินเขาฟูร์วิแยร์ ซึ่งยังคงใช้งานได้จริงในปัจจุบัน โดยมีการจัดแสดงงานดนตรีและศิลปะกลางแจ้งในช่วงฤดูร้อน เรียกได้ว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตอีกแห่งบนโลกเลยก็ว่าได้ค่ะ

3. เมืองบอร์โด (Bordeaux)

บอร์โด เป็นศูนย์กลางการผลิตไวน์ระดับโลก โดยพื้นที่รอบเมืองเต็มไปด้วยไร่องุ่นสีเขียวขจีที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา บอกเลยว่าคนรักไวน์ต้องถูกใจสิ่งนี้แน่นอน นอกจากนี้ตัวเมืองบอร์โดยังเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสมัยศตวรรษที่ 18 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับความร่วมสมัยได้อย่างลงตัวมาก ๆ ทั้งคาเฟ่สไตล์ฝรั่งเศส พิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ หรือพักผ่อนในสวนสาธารณะกลางเมือง ถ้าได้ไปเที่ยวต้องชุ่มช่ำหัวใจแน่นอน

📌 จุดเช็กอินยอดนิยมในบอร์โด ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวฝรั่งเศส

• พิพิธภัณฑ์ไวน์แห่งบอร์โด (La Cité du Vin)

พิพิธภัณฑ์ไวน์สุดล้ำที่เต็มไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับไวน์ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีการออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมโค้งมนคล้ายกระแสน้ำหรือไวน์ในแก้ว เป็นศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับไวน์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ไม่ได้จำกัดเฉพาะไวน์ฝรั่งเศส แต่ยังรวบรวมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไวน์จากทั่วโลกกว่า 80 ประเทศ ภายในมีการจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟครบทุกมิติ ทั้งกลิ่น รส เสียง และภาพ แบบไม่ซ้ำใคร ปิดท้ายด้วยการขึ้นไปยังจุดชมวิวเมืองบอร์โดแบบพาโนรามา รับรองความฟินจริง ๆ ค่ะ

• จัตุรัสแห่งการค้าและกระจกน้ำ (Place de la Bourse & Water Mirror)

มุมถ่ายรูปสุดไอคอนิกของบอร์โดที่ต้องแวะถ่ายรูป จัตุรัสสไตล์คลาสสิกริมแม่น้ำการอน (Garonne River) สะท้อนความงามของสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสอย่างลงตัวกับ “Le Miroir d’eau” กระจกน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสะท้อนอาคารโดยรอบได้สวยงามทั้งกลางวันและกลางคืน

• ไร่องุ่นแซงต์เอมิลอง (Saint-Émilion Vineyards)

เมืองเล็ก ๆ ที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร โดดเด่นด้วยอาคารหินสีอ่อน ตรอกแคบ ๆ และบันไดหินโค้งที่ให้รู้สึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ ในอดีต ไฮไลท์ของที่นี่คืออุโมงค์เก็บไวน์ใต้ดินขนาดใหญ่ และวิวไร่องุ่น เมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1999 ไม่เพียงเพราะความงดงามทางสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์แดงชั้นเลิศที่มีชื่อเสียงระดับโลก ด้วยดินหินปูนที่ช่วยเสริมรสไวน์ให้เข้มข้นและกลมกล่อมอย่างเป็นเอกลักษณ์

4. เมืองนีซ (Nice)

เที่ยวฝรั่งเศส ทางตอนใต้ต้องไม่พลาดเมืองนีซ (Nice) ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในเขตเฟรนช์ริเวียร่า (French Riviera) เป็นเมืองที่อากาศดีตลอดทั้งปี มีแสงแดดอุ่น ๆ ลมเย็น ๆ เดินเล่นชมวิวทะเลสวย ๆ แบบไม่ต้องใส่ฟิลเตอร์ นอกจากนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นยอดนิยมในการเดินทางต่อไปยังเมืองคานส์ (Cannes) หรือรัฐโมนาโก (Monaco) ที่อยู่ใกล้กันอีกด้วย ไม่ว่าจะสายถ่ายรูป สายเดินเล่น หรือสายชิล ก็ตอบโจทย์สุด ๆ

📌 จุดเช็คอินยอดนิยมในนีซ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวฝรั่งเศส

• ถนนเลียบชายหาดพรอมมานาด เดส์ อองแกลส์ (Promenade des Anglais)

ถนนเลียบชายหาดที่ทอดยาวหลายกิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่น ปั่นจักรยาน หรือจะนั่งชิลรับลมทะเลพร้อมชมวิวพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติก นอกจากนี้ยังมีจุดถ่ายรูปยอดฮิตคือ นอฟ ลีน โอบลีก (Neuf Lignes Obliques) เสาเหล็กสีดำสุดเท่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ปลายถนน จุดที่ใครผ่านมาก็ต้องแวะเก็บภาพ

• เมืองเก่านีซ (Vieille Ville)

เมืองเก่าที่เต็มไปด้วยประวัติศาตร์ และเสน่ห์แบบเมดิเตอร์เรเนียน ผสมผสานกลิ่นอายของอิตาลีกับฝรั่งเศสอย่างลงตัว มีลักษณะเป็นตรอกซอยแคบ ๆ ที่ปูด้วยหินโบราณเต็มไปด้วยร้านค้าท้องถิ่นมากมาย เช่น ร้านไอศกรีมเจลาโต ร้านขายของที่ระลึก และคาเฟ่น่ารัก ๆ ตลอดเส้นทาง อีกทั้งยังมีตลาดคูร์สซาเลยา (Cours Saleya) ที่มีทั้งดอกไม้ ผลไม้สด และอาหารท้องถิ่นให้เดินชมและชิมได้อีกด้วย

• มหาวิหารนีซ (Nice Cathedral)

โบสถ์คาทอลิกเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 และเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สำคัญที่สุดของเมือง มหาวิหารแห่งนี้ได้รับการตั้งชื่อตามนักบุญผู้คุ้มครองเมืองนีซ คือ นักบุญเรพาราตา (Saint Réparate) ไฮไลต์คือ โดมกระเบื้องสีสันสดใส ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ของโบสถ์แห่งนี้และสามารถมองเห็นได้จากมุมสูงหลายจุดในเมือง

5. เมืองมาร์แซย์ (Marseille)

เมืองท่าที่เก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศส และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ โดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมฝรั่งเศสกับเมดิเตอร์เรเนียนอย่างลงตัวมาก ๆ บรรยากาศของเมืองเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และวิถีชีวิตคนท้องถิ่นที่มีสีสัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผสมผสานการเดินเที่ยวชมวัฒนธรรม กับการพักผ่อนกลางธรรมชาติได้ในทริปเดียว

📌 จุดเช็กอินยอดนิยมในมาร์แซย์ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวฝรั่งเศส

• ท่าเรือเก่า (Vieux-Port)

ท่าเรือเก่า ที่ถือว่าเป็นหัวใจของเมืองมาร์แซย์มาอย่างยาวนานเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่สมัยกรีกโบราณจนถึงปัจจุบัน บรรยากาศที่นี่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาตลอดทั้งวัน เ๖้มไปด้วยเรือยอชต์ เรือประมงที่เข้า-ออกท่าเรือ หรือผู้คนที่มานั่งจิบกาแฟชมวิวพระอาทิตย์ตก ร้านอาหารทะเลสด ๆ ที่เรียงรายริมท่าเรือมากมาย มีเมนูพิเศษอย่างซุปปลาแบบฝรั่งเศสภาคใต้ (bouillabaisse) ที่ต้องลองสักครั้ง นอกจากนี้ยังมีตลาดปลายามเช้าที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองให้เดินชมแบบชิล ๆ อีกด้วยนะ

• มหาวิหารน็อทร์-ดาม เดอ ลา การ์ด (Notre-Dame de la Garde)

โบสถ์หลังใหญ่บนยอดเขาที่มองเห็นได้จากแทบทุกมุมของเมือง ถูกเรียกว่าเป็น “ผู้ปกป้องแห่งมาร์แซย์” โดยชาวเมืองเชื่อว่าองค์พระแม่มารีผู้ยืนอยู่เหนือหอคอยจะปกป้องชาวเรือและเมืองไว้ ภายในโบสถ์ถูกตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอบาซิลิกา และนอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวรที่สามารถมองเห็นทั้งเมืองได้แบบ 360 องศา บอกเลยว่าฟิน

• อุทยานแห่งชาติคาลังก์ (Calanques National Park)

อุทยานที่กินพื้นที่ตามแนวชายฝั่งระหว่างมาร์แซย์และแคสซีส์ (Cassis) โดดเด่นด้วยเวิ้งอ่าวแคบ ๆ ที่มีผาหินปูนสูงล้อมรอบ และน้ำทะเลสีฟ้าอมเขียวใสเหมือนกับคริสตัล เหมาะสำหรับนักผจญภัยที่ชอบเดินป่าตามเส้นทางเลียบเขา หรือล่องเรือเข้าถ้ำและเวิ้งอ่าวต่าง ๆ โดยเฉพาะในฤดูร้อนที่สามารถลงว่ายน้ำหรือพายเรือคายัคได้อย่างปลอดภัย

6. เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg)

เมืองที่ตั้งอยู่ใกล้พรมแดนเยอรมนี เมืองนี้จึงเป็นจุดบรรจบของวัฒนธรรมฝรั่งเศสและเยอรมัน ทั้งในด้านสถาปัตยกรรม อาหาร ภาษา และวิถีชีวิต จนกลายเป็นเมืองเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาไม่ได้จากที่อื่นในฝรั่งเศส นอกจากนี้ สตราสบูร์กยังเป็นที่ตั้งของสถาบันสำคัญระดับยุโรป เช่น รัฐสภายุโรป (European Parliament) อีกทั้งยังมีย่านเมืองเก่า “Grande Île” ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก เป็นเมืองที่เหมาะทั้งกับสายประวัติศาสตร์ สายถ่ายรูป และนักเดินเล่นที่ชอบเมืองน่ารัก ๆ มีชีวิตชีวาในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงตลาดคริสต์มาสซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่สวยที่สุดในยุโรปเลยนะ

📌 จุดเช็กอินยอดนิยมในสตราสบูร์ก ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวฝรั่งเศส

• มหาวิหารสตราสบูร์ก (Cathédrale Notre-Dame de Strasbourg)

มหาวิหารแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิกที่ทรงพลังที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ก่อสร้างด้วยหินทรายสีชมพูจากภูเขาโวฌ (Vosges) มีหอคอยสูงกว่า 142 เมตร ในอดีตเคยเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลก ภายในมีนาฬิกาดาราศาสตร์อายุกว่า 300 ปีที่ปัจจุบันยังทำงานได้อย่างแม่นยำ จุดไฮไลท์คือการขึ้นบันไดไปยังจุดชมวิวด้านบนของวิหาร นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นเมืองเก่าทั้งเมืองแบบ 360 องศา ในวันที่อากาศแจ่มใสสามารถมองเห็นเทือกเขา Black Forest ได้อีกด้วย

• ลาพูตีต์ฟร็องซ์ (La Petite France)

ย่านเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของบ้านไม้สีพาสเทลที่เรียงรายอยู่ริมคลอง และสะพานหินเก่า ๆ ถนนปูหิน ในอดีตที่นี่เคยเป็นเขตของช่างฝีมือและโรงสีในยุคกลาง แต่ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดดรแมนติก โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่มีหิมะโปรย นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ และร้านไวน์น่ารัก ๆ ให้แวะพักอีกด้วย

• จัตุรัสเกลแบร์ (Place Kléber)

จัตุรัสกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเมือง โดยตลอดทั้งปีจะมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น คอนเสิร์ต นิทรรศการ และตลาดนัดกลางแจ้ง แต่ไฮไลท์ที่สุดคือช่วงคริสต์มาส ซึ่งมีการติดตั้ง ต้นคริสต์มาสยักษ์ ที่สูงกว่า 30 เมตร ประดับประดาด้วยไฟนับหมื่นดวง พร้อมกับตลาดคริสต์มาสที่เต็มไปด้วยร้านขายของแฮนด์เมด ขนมพื้นเมือง และไวน์ร้อน เรียกได้ว่าเป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจไม่แพ้เมืองไหนในยุโรปเลยทีเดียว

7. เมืองตูลูส (Toulouse)

เมืองตูลูส ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ได้รับฉายาว่า “La Ville Rose” หรือ “เมืองสีชมพู” จากอิฐดินเผาที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ จนเมืองทั้งเมืองเป็นโทนชมพูอ่อนที่ดูโรแมนติกไม่เหมือนเมืองอื่น ๆ นอกจากนี้ ตูลูสยังเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการบินและอวกาศของยุโรป โดยเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ Airbus อีกด้วยนะ

📌 จุดเช็กอินยอดนิยมในตูลูส ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวฝรั่งเศส

• จัตุรัสกาปีโตล (Place du Capitole)

ใจกลางเมืองสุดคลาสสิกที่คนท้องถิ่นบอกว่า “ถ้ามาตูลูสแล้วไม่มาที่นี่ ถือว่ายังมาไม่ถึง” เป็นลานกว้างสีชมพูอ่อน ถูกล้อมรอบด้วยอาคารโบราณสไตล์นีโอคลาสสิก โดยเฉพาะกาปิโตล เดอ ตูลูส (Capitole de Toulouse) ที่เป็นทั้งศาลากลางและโรงละครโอเปร่าในอาคารเดียวกัน ใครชอบถ่ายรูป ชอบคาเฟ่นั่งชิล หรือชมงานเทศกาลท้องถิ่น บอกเลยว่าตรงนี้คือ แลนด์มาร์คที่ไม่ควรพลาดสุด ๆ 

• คลองดูมิดี (Canal du Midi)

คลองเก่าแก่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1996 มีความยาวหลายร้อยกิโลเมตรเชื่อมจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปยังเมืองแอตแลนติกผ่านใจกลางตูลูส ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ร่มรื่น จะเดิน ปั่นจักรยาน หรือพายเรือก็ได้ฟีลสงบ ๆ ชิลล์ ๆ เหมือนอยู่ในฉากหนังโรแมนติกฝรั่งเศสเลยทีเดียว

• เมืองอวกาศ (Cité de l’Espace)

ถ้าใครใฝ่ฝันอยากเป็นนักบินอวกาศ ถ้ามาที่นี่รับรองว่าตื่นตาตื่นใจแน่นอน ที่นี่เป้นศูนย์วิทยาศาสตร์และพิพิธภัณฑ์อวกาศที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป เหมาะสำหรับครอบครัวหรือผู้ที่สนใจเทคโนโลยีและการสำรวจอวกาศ ภายในมีแบบจำลองยาน Ariane 5 สถานีอวกาศ Mir และกิจกรรมอินเทอร์แอคทีฟที่ให้คุณลองเป็นนักบินอวกาศจำลอง สนุกทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ใครรักเทคโนโลยีไม่ควรห้ามพลาด

8. เมืองน็องต์ (Nantes)

น็องต์ ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศริมฝั่งแม่น้ำลัวร์ น็องต์เคยเป็นเมืองหลวงของแคว้นบริตตานี (Brittany) และเป็นศูนย์กลางการค้าทางเรือในอดีต ทำให้เมืองนี้มีทั้งความมั่งคั่งทางประวัติศาสตร์และโครงสร้างเมืองเก่ามากมาย นอกจากนี้ ที่นี่ยังเรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งความคิดสร้างสรรค์อีกด้วยนะ ที่เต็มไปด้วยงานศิลปะเสริมจินตนาการสไตล์ไซไฟ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสายศิลป์ สายครอบครัว และคนที่ชอบสิ่งแปลกใหม่

📌 จุดเช็กอินยอดนิยมในน็องต์ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวฝรั่งเศส

• ปราสาทดยุคแห่งบริตตานี (Château des ducs de Bretagne)

ปราสาทอายุเกิน 500 ปีที่เคยเป็นวังของดยุคแห่งบริตตานี ปัจจุบันแปลงโฉมเป็น พิพิธภัณฑ์เมืองน็องต์ (Musée d’Histoire de Nantes) ที่เล่าเรื่องราวของเมืองผ่านเทคโนโลยีล้ำ ๆ เดินบนกำแพงหินเก่าแล้วชมวิวเมืองมุมสูงคือฟีลยุโรปสุดปัง ถ่ายรูปมุมไหนก็ดูดีเหมือนอยู่ในหนังสุด ๆ

• Les Machines de l’île (เครื่องจักรแห่งเกาะ)

ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นดินแดนมีมีการผสมผสานระหว่างศิลปะและวิศวกรรม โดยได้แรงบันดาลใจจากนิยายของจูลส์ เวิร์น (Jules Verne) นักเขียนชาวฝรั่งเศสผู้ได้รับยกย่องให้เป็น บิดาแห่งนิยายวิทยาศาสตร์ ผู้บุกเบิกงานเขียนนิยายแนวไซไฟ ไฮไลท์สุดอลังคือ ช้างกลยักษ์ (The Great Elephant) ที่สูงเท่าตึก 4 ชั้น! เดินต๊อกแต๊กพานักท่องเที่ยวชมรอบเกาะแบบคูล ๆ ได้ทั้งความรู้และความว้าว เหมาะกับทั้งครอบครัวะคนรักไอเดียแหวกแนว

• เกาะกลางเมือง (Île de Nantes)

พื้นที่ศิลปะร่วมสมัยและเมืองใหม่ที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาจากอู่เรือเก่าให้กลายเป็นแหล่งนัดพบของคนรุ่นใหม่ เต็มไปด้วยร้านคาเฟ่ แกลเลอรี งานศิลปะจัดวางกลางแจ้งแบบเดิน ๆ อยู่ก็ต้องหยุดดู แถมยังมีอีเวนต์หมุนเวียนทั้งปีอีกด้วย

9. เมืองลีล (Lille)

เมืองลีล ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ใกล้พรมแดนเบลเยียม จึงได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมเฟลมิชอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในด้านสถาปัตยกรรม อาหาร และวิถีชีวิต ด้วยอาคารที่สร้างด้วยอิฐสีส้มแดงแบบเฟลมิชที่เรียงรายไปทั่วเมือง นอกจากนี้ ยังเป็นเมืองศูนย์กลางด้านศิลปะที่สำคัญ โดยเฉพาะการจัดแสดงศิลปะคลาสสิกและร่วมสมัยอีกด้วย

📌 จุดเช็กอินยอดนิยมในลีล ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวฝรั่งเศส

• จัตุรัสใหญ่ของลีล (Grand Place)

หัวใจของเมืองที่แค่เดินเข้าไปก็ต้องว้าวแน่นอน บรรยากาศถูกล้อมรอบด้วยอาคารเก่าแก่ มีสีสันสดใส สไตล์เฟลมิชผสมฝรั่งเศสสุดยูนีค ไม่ว่าจะนั่งจิบกาแฟหน้าคาเฟ่ ชมผู้คนเดินผ่าน หรือแวะร้านหนังสือเก่า ๆ ก็ฟินทุกมุม ถ่ายรูปออกมาคือคลาสสิกแบบวินเทจฝรั่งเศสสุด ๆ

• พระราชวังศิลปะ (Lille Museum of Fine Arts)

พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่เป็นอันดับสองของฝรั่งเศส (รองจากลูฟวร์) มีการจัดแสดงผลงานระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดจากยุคคลาสสิก ประติมากรรม และของสะสมสุดหายาก มีผลงานของศิลปินระดับโลกอย่าง รูเบนส์ (Rubens) และโกยา (Goya) ให้ชมแบบใกล้ชิด บอกเลยว่าสายอาร์ตต้องใจละลายแน่นอน

• ย่านเมืองเก่า (Vieux-Lille)

ย่านที่มีเสน่ห์ที่สุดของลีล เต็มไปด้วยตรอกเล็ก ๆ อาคารสไตล์ดัตช์แบบครึ่งไม้ รับรองเลยว่าเดินเพลินจนลืมเวลาแน่นอน เพราะมีทั้งร้านเบเกอรี่ คาเฟ่ดีไซน์เก๋ และบูติกท้องถิ่นให้เลือกช้อปมากมาย ใครชอบความน่ารักของเมืองยุโรปเก่า ๆ แนะนำเลย

10. มงต์เปลลิเยร์ (Montpellier)

ปิดท้ายเมืองยอดนิยมของการ เที่ยวฝรั่งเศส แบบไม่เร่งรีบ ที่เมืองมงต์เปลลิเยร์ เป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป มีเมืองเก่าที่สวยงามด้วยตรอกแคบๆ อาคารยุคกลาง และโบสถ์เก่า ขณะเดียวกันก็มีศูนย์ศิลปะ แกลเลอรี และสถาปัตยกรรมร่วมสมัยกระจายอยู่ทั่วเมือง จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งรวมความคิดสร้างสรรค์และไลฟ์สไตล์แบบคนเมืองรุ่นใหม่ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวมาก ๆ

📌 จุดเช็กอินยอดนิยมในมงต์เปลลิเยร์ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวฝรั่งเศส

• จัตุรัสเดอลาโกเมดี (Place de la Comédie)

จัตุรัสใหญ่กลางเมืองที่ชาวมงต์เปลลิเยร์เรียกกันว่า “ห้องนั่งเล่นกลางแจ้ง” เพราะไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย เย็น ก็มีผู้คนออกมานั่งชิล เดินเล่น หรือนั่งดูโชว์ริมถนน ล้อมรอบด้วยอาคารสไตล์บาโรกสุดอลัง อย่างโรงละครโอเปร่า และที่สำคัญคาเฟ่เพียบ! เหมาะสุด ๆ สำหรับสายถ่ายรูปและคนชอบจับจังหวะเมือง

• สวนสาธารณะเปย์รู (Promenade du Peyrou)

สวนสุดคลาสสิกบนเนินเขาที่ให้วิวพาโนรามาทั่วเมือง ไฮไลทืคือ ซุ้มประตูชัย (Porte du Peyrou) สไตล์โรมัน และน้ำพุเก่าแก่ เรียกได้ว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตสุดฮิตของคนในพื้นที่ เหมาะกับการมานั่งเล่น ปูเสื่อปิกนิก หรือถ่ายรูปแบบชิลล์ ๆ ก็ไม่ควรพลาดเลยจริง ๆ ค่ะ

• เขตเมืองเก่า (Écusson)

เขตเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์มากมาย เต็มไปด้วยตรอกซอกซอยคดเคี้ยว เต็มไปด้วยคาเฟ่บรรยากาศอบอุ่น ร้านบูติกแฮนด์เมด และโบสถ์สวย ๆ อย่าง มหาวิหารแซงต์ปีแยร์ (Cathédrale Saint-Pierre) ที่มีซุ้มประตูหินใหญ่สุดอลัง แค่เดินช้า ๆ ก็เหมือนได้ย้อนเวลาเข้าสู่ยุโรปยุคกลางแบบโรแมนติกสุด ๆ