ใครมีความฝันอยากไป ดูแสงเหนือ ยกมือขึ้นนนนน!!! แสงเหนือ หรือ แสงออโรร่า (Aurora) คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากชนกันระหว่างพลังงานแแสงจากดวงอาทิตย์กับก๊าซในชั้นบรรยากาศโลก ทำให้เกิดแสงสีต่าง ๆ ทั้งสีเขียว ม่วง ฟ้า หรือชมพู พริ้วไหวอยู่บนท้องฟ้าในตอนกลางคืน บอกเลยว่า สวยจนต้องร้องว้าว!!! แน่นอนค่ะ ถ้าคุณกำลังมองหา ทัวร์แสงเหนือ หรือกำลังสงสัยว่า แสงเหนือควรไปดูที่ไหน? วันนี้ Travelzeed มีคำตอบให้ พร้อมพิกัดชมแสงเหนือแบบเต็มอิ่ม จะมีที่ไหนบ้างไปดูกันเล๊ยยยย
1. นอร์เวย์ (Norway)
นอร์เวย์ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีชื่อเสียงที่สุดในการชม แสงเหนือ โดยเฉพาะเมือง ทรอมโซ (Tromsø), อัลตา (Alta) และหมู่เกาะ โลโฟเทน (Lofoten Islands) ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการชมแสงเหนือในนอร์เวย์คือ ตั้งแต่เดือนกันยายน – มีนาคม เมื่อท้องฟ้ามืดสนิทและปลอดโปร่ง โดยสามารถเห็นแสงสีเขียว ม่วง ชมพู หรือแดงเต้นระบำบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ นอร์เวย์ยังมีกิจกรรมฤดูหนาว เช่น นั่งรถลากสุนัข (Husky Sledding), ชมฟยอร์ดน้ำแข็ง และพักในกระท่อมหิมะที่สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติกอีกด้วย นับเป็นจุดหมายในฝันของนักเดินทางทั่วโลกที่อยากสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติที่แท้จริง
2. สวีเดน (Sweden)
แสงเหนือในประเทศสวีเดน เป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมสำหรับนักล่าแสงเหนือ โดยเฉพาะทางตอนเหนือของประเทศในเขตแลปแลนด์ (Lapland) ซึ่งตั้งอยู่เหนือเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล เมืองยอดนิยมได้แก่ คิรูนา (Kiruna) และหมู่บ้านอาบิสโก (Abisko) ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือสูงที่สุดในโลก ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมแสงเหนือในสวีเดนคือ ช่วงปลายกันยายน – ต้นเมษายน (โดยเฉพาะช่วงธันวาคม – มีนาคม) ท้องฟ้าจะมืดสนิท ทำให้มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้ชัดเจนที่สุด นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถทำกิจกรรมแนวผจญภัยอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น ขับสโนว์โมบิล ลากเลื่อนโดยสุนัขฮัสกี้ หรือพักในโรงแรมน้ำแข็ง เพื่อสัมผัสบรรยากาศฤดูหนาวแบบเต็มอิ่ม
3. ฟินแลนด์ (Finland)
แสงเหนือ ในฟินแลนด์ มักจะพบเขตแลปแลนด์ (Lapland) อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งเป็นจุดยอดนิยมสำหรับการชมแสงเหนือ เพราะอยู่ในแถบ Auroral Oval ที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือสูงถึงประมาณ 200 คืนต่อปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่ ปลายกันยายน – ต้นเมษายน กิจกรรมที่นิยมควบคู่กับการชมแสงเหนือ ได้แก่ การนั่งรถลากโดยสุนัขฮัสกี้ ซาฟารีสโนว์โมบิล ซาวน่าแบบฟินแลนด์ และการพักใน กระท่อมกระจกหรืออิกลูใส (Glass Igloo) ที่สามารถนอนดูแสงเหนือได้จากเตียง จุดชมที่แนะนำ เช่น เมืองรอวาเนียมี (Rovaniemi), ซาริเซลก้า (Saariselkä), ลูอสโต (Luosto) และ คิลปิสรานตา (Kilpisjärvi)
4. ไอซ์แลนด์ (Iceland)
ไอซ์แลนด์ เป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถชมแสงเหนือ ได้เช่นกัน โดย ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมแสงเหนือ คือระหว่าง เดือนกันยายน – เมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ความมืดของท้องฟ้านานที่สุด โดยเฉพาะในเดือนตุลาคม – มีนาคมที่มีโอกาสเห็นชัดเจนมากขึ้น จุดชมแสงเหนือยอดนิยมในไอซ์แลนด์ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติธิงเวลลิร์ (Thingvellir National Park), ภูเขาเคิร์กจูแฟล (Kirkjufell Mountain), ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón Glacier Lagoon) เมืองอาคูเรอรี (Akureyri) และ ฟีค (Vik) ซึ่งมีโอกาสที่จะเห็นแสงเหนือได้บ่อยมาก ๆ
5. กรีนแลนด์ (Greenland)
สำหรับการชมแสงเหนือ ในกรีนแลนด์ เนื่องด้วยเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เงียบสงบและมีมลภาวะทางแสงน้อย พร้อมด้วยภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยธารน้ำแข็ง ฟยอร์ด และลานน้ำแข็งกว้าง จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับความนิยม สำหรับ จุดชมยอดนิยม ได้แก่ เมืองคานัค (Qaanaaq), เมืองอิลูลิสแซต (Ilulissat) และ เมืองคังกเกอร์ลุสซวก (Kangerlussuaq) ช่วงเวลาที่ดีที่สุด คือ ตั้งแต่ปลายกันยายน – ต้นเมษายน โดยเฉพาะในช่วงที่ฟ้าใสและไม่มีแสงจันทร์
6. แคนาดา (Canada)
แสงเหนือ ในประเทศแคนาดา หนึ่งในประเทศที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้บ่อยครั้งเช่นกัน เนื่องจากมีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือ โดยเฉพาะในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศ เช่น ยูคอน (Yukon), นอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์ (Northwest Territories) และ นูนาวุต (Nunavut) ซึ่งอยู่ภายใต้แนว Auroral Oval ที่เหมาะกับการเห็นแสงเหนือชัดเจนที่สุด และอีกจุดยอดนิยมที่พลาดไม่ได้ สำหรับชมแสงเหนือคือ เมืองเยลโลไนฟ์ (Yellowknife) ที่สามารถมองเห็นแสงเหนือได้มากถึง 240 คืนต่อปี โดยเฉพาะในช่วง เดือนกันยายน – เมษายน นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีก เช่น การขับสโนว์โมบิล การตั้งแคมป์ในกระโจมแบบอินูอิต หรือ การชมแสงเหนือจากกระท่อมกระจก บอกเลยว่าเต็มอิ่มสุด ๆ
7. อลาสก้า – สหรัฐอเมริกา (Alaska – United States)
แสงเหนือ ในอลาสก้า (Alaska) ประเทศ สหรัฐอเมริกา (United States) ถือเป็นหนึ่งในจุดชมแสงเหนือที่สวยงามและเข้าถึงง่ายที่สุดในโลก โดยเฉพาะบริเวณเมือง แฟร์แบงก์ส (Fairbanks), เดเนลี (Denali National Park), โคลด์ฟุต (Coldfoot) และ วิสดอม (Wiseman) ซึ่งอยู่ใกล้แนว Auroral Oval หรือวงแสงเหนือพอดี ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการชมแสงเหนือที่อลาสก้าคือ เดือนกันยายน – เมษายน (โดยเฉพาะช่วง ธันวาคม – มีนาคม) เป็นช่วงที่ท้องฟ้ามืดสนิทและมีโอกาสเห็นแสงเหนือชัดเจนที่สุด ควรหลีกเลี่ยงช่วงพระจันทร์เต็มดวง และเลือกจุดชมที่ห่างจากแสงไฟจากเมือง เพื่อให้เห็นแสงเหนือได้ชัดเจนที่สุด
8. รัสเซีย (Russia)
แสงเหนือ ในประเทศรัสเซีย สามารถพบเห็นได้ชัดเจนที่สุดในทางตอนเหนือของประเทศ โดยเฉพาะในแถบ คาบสมุทรโคลา (Kola Peninsula) ซึ่งเมืองยอดนิยมสำหรับการล่าแสงเหนือคือ เมืองมูร์มันสค์ (Murmansk)
เมืองมูร์มันสค์ตั้งอยู่ใกล้กับ Auroral Oval เป็นพื้นที่ที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือสูงมาก ๆ และที่สำคัญเดินทางได้สะดวกกว่าหลายเมืองในเขตอาร์กติก เพราะมีสนามบินที่บินตรงจากมอสโก สำหรับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมแสงเหนือในรัสเซียคือ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – มีนาคม เป็นช่วงที่มีท้องฟ้ามืดสนิทและยาวนาน ทำให้สามรถเห็นแสงเหนือได้ชัดเจน โดยเฉพาะในคืนที่ไม่มีเมฆและแสงจากเมืองรบกว กิจกรรมยอดนิยมในทริปล่าแสงเหนือที่รัสเซีย เช่น ซาฟารีล่าแสงเหนือด้วยสโนว์โมบิล นั่งรถลากโดยสุนัขฮัสกี้ และเข้าชมวิถีชีวิตของชาวพื้นเมืองซามิ (Sami People) เป็นต้น
9. สกอตแลนด์ (สหราชอาณาจักร) (Scotland – UK)
แสงเหนือ ในประเทศสกอตแลนด์ เป็นหนึ่งในจุดหมายในโซนยุโรปที่สามารถชมแสงเหนือได้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่ช่วง ปลายกันยายน – มีนาคม ซึ่งท้องฟ้ามืดเร็วและยาวนาน แสงเหนือที่นี่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “Mirrie Dancers” ตามภาษาท้องถิ่นของสกอตแลนด์ โดยพื้นที่ที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้ชัดเจนจะอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ได้แก่ หมู่เกาะเช็ตแลนด์ (Shetland Islands), หมู่เกาะออร์คนีย์ (Orkney Islands), ที่ราบสูงสก็อต (Scottish Highlands), Isle of Skye (เกาะสกาย) และแคร์นกอร์มส์ (Cairngorms) โอกาสในการเห็นแสงเหนืออาจน้อยกว่าประเทศแถบขั้วโลกเหนืออื่น ๆ เช่น ไอซ์แลนด์ หรือฟินแลนด์ แต่สกอตแลนด์มีข้อดีคือ เข้าถึงง่าย จากเมืองใหญ่
10. เอสโตเนีย (Estonia)
แสงเหนือ ในประเทศเอสโตเนีย อาจไม่ใช่จุดหมายหลักในการล่าแสงเหนือเทียบเท่ากับหลายประเทศอย่างนอร์เวย์หรือฟินแลนด์ แต่ก็สามารถมองเห็นได้ในบางคืนที่ท้องฟ้าเปิด โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวระหว่าง เดือนกันยายน – มีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ท้องฟ้ามืดนานและมีโอกาสเห็นสูงที่สุด จุดชมแสงเหนือที่แนะนำในเอสโตเนีย ได้แก่ อุทยานแห่งชาติลาเฮมมา (Lahemaa National Park), เกาะฮิอูม่า (Hiiumaa Island) และเกาะซาเรม่า (Saaremaa Island) แม้ว่าเอสโตเนียจะอยู่ทางตอนใต้ของเส้น Auroral Oval เล็กน้อย แต่ก็มีโอกาสเกิดแสงเหนือได้ในบางวัน โดยเฉพาะเมื่อเกิดพายุสุริยะแรง ๆ
11. ลัตเวีย (Latvia)
แสงเหนือในประเทศลัตเวีย ไม่ได้ปรากฏให้เห็นบ่อยเท่าในประเทศแถบอาร์กติก เช่น นอร์เวย์ ฟินแลนด์ หรือไอซ์แลนด์ แต่ในบางปีที่มีพายุสุริยะแรงมาก ๆ หรือในช่วงพายุแม่เหล็กโลก (geomagnetic storm) รุนแรง ก็อาจมีโอกาสเห็นแสงเหนือในเขตทางตอนเหนือของลัตเวีย โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลจากแสงเมือง เช่น เขต Vidzeme หรือชายฝั่งทะเลบอลติก
แม้จะไม่ใช่จุดหมายหลักสำหรับการล่าแสงเหนือ แต่ลัตเวียก็มีท้องฟ้ามืดสนิทในชนบทที่เหมาะกับการชมดาว และหากโชคดีในช่วงฤดูหนาว เดือนพฤศจิกายน – มีนาคม ก็อาจได้เห็นแสงเหนือ ปรากฏบนฟ้าเหนือเส้นขอบฟ้าได้บ้าง แนะนำให้ตรวจสอบค่าดัชนี KP และแอปพยากรณ์แสงเหนือล่วงหน้าค่ะ
12. เดนมาร์ก (Denmark)
การชมแสงเหนือ ในประเทศเดนมาร์ก แม้จะอยู่ทางตอนเหนือของยุโรป แต่โอกาสในการเห็นแสงเหนือค่อนข้างต่ำกว่าประเทศนอร์เวย์ ฟินแลนด์ หรือไอซ์แลนด์ เพราะตำแหน่งของเดนมาร์กอยู่ทางตอนใต้ของ Auroral Oval แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าสภาพอากาศเอื้ออำนวย ท้องฟ้าเปิด และมีพายุสุริยะแรงพอ ก็สามารถเห็นแสงเหนือได้ในบางครั้ง โดยเฉพาะในเขตทางตอนเหนือของเดนมาร์ก เช่น สกาเกน (Skagen), อุทยานแห่งชาติธี (Thy National Park) และหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) เป็นต้น สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด คือ เดือนตุลาคม – มีนาคม ในคืนที่ท้องฟ้ามืดสนิทและไร้เมฆ
13. นิวซีแลนด์ (New Zealand)
แสงเหนือในประเทศนิวซีแลนด์ เรียกว่า “แสงใต้” เพราะประเทศอยู่ในขั๊วโลกใต้ แต่มีลักษณะเหมือนกับแสงเหนือในขั้วโลกเหนือ คือ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการปะทะกันระหว่างอนุภาคจากดวงอาทิตย์กับสนามแม่เหล็กโลก ทำให้เกิดแสงเรืองสีเขียว ม่วง ชมพู บนท้องฟ้าในเวลากลางคืน มักจะเกิดในช่วง เดือนมีนาคม – กันยายน โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว (มิถุนายน–สิงหาคม) ซึ่งท้องฟ้าค่อนข้างจะมืดสนิทและไม่มีเมฆ เหมาะแก่การชมแสงใต้ จุดชมแสงใต้ยอดนิยมในนิวซีแลนด์ ได้แก่ เกาะสจ๊วต (Stewart Island), แคทลินส์ (The Catlins), ทะเลสาบเทคาโป (Lake Tekapo) และคาบสมุทรโอทาโก (Otago Peninsula)
14. ออสเตรเลีย (Australia)
และปิดท้ายกันด้วย แสงเหนือ ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจะมีการเรียกว่าแสงใต้เช่นเดียวกับประเทศนิวซีแลนด์ เพราะมีการเกิดในโซนขั้วโลกใต้เหมือนกัน จุดที่ดีที่สุดของการชมแสงใต้คือ แทสเมเนีย (Tasmania) เพราะอยู่ใกล้แอนตาร์กติกามากที่สุด และบางครั้งสามารถเห็นได้จากตอนใต้ เช่น รัฐวิกตอเรีย (Victoria) และรัฐเซาท์ออสเตรเลีย (South Australia) เดือนที่มีโอกาสเห็นมากที่สุดคือ มีนาคม – กันยายน ยิ่งถ้าเป็นคืนที่ฟ้ามืดสนิท ไม่มีแสงจันทร์ และห่างจากเมืองจะมีโอกาสเห็นได้ชัดขึ้น