ทัวร์กว่า 2,000 รายการ ทั้งในและต่างประเทศ
แพ็คกระเป๋า เลือกวันเดินทางได้ตามใจคุณ
ราคาสุดคุ้ม ทั้งตั๋วและที่พัก
ล่องเรือสำราญระดับโลก
บริการจัดทัวร์ตามความต้องการ
บริการจัดการวีซ่าครบวงจร
หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ทั้งสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่มีอะไรเทียบได้กับ ทัวร์แสงเหนือ ปรากฏการณ์ธรรมชาติบนท้องฟ้าที่หลายคนใฝ่ฝันจะได้เห็นสักครั้งในชีวิต บทความนี้ Travelzeed จะพาคุณไปรู้จักกับแสงเหนือ ตั้งแต่ที่มา สีสัน ไปจนถึงสถานที่ยอดนิยมและเคล็ดลับการเตรียมตัว สำหรับการเดินทางล่าแสงเหนืออย่างคุ้มค่าและประทับใจที่สุด
แสงเหนือ หรือ Aurora Borealis คือปรากฏการณ์เรืองแสงที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าในเขตใกล้ขั้วโลกเหนือ สาเหตุเกิดจาก อนุภาคประจุจากลมสุริยะ ที่พุ่งมายังโลกและชนกับ สนามแม่เหล็กโลก ทำให้อนุภาคเหล่านั้นเข้าสู่ชั้นบรรยากาศและทำปฏิกิริยากับแก๊สต่าง ๆ จนเกิดแสงที่มีสีสันที่แตกต่างกัน สีสันของแสงเหนือ ขึ้นอยู่กับชนิดของก๊าซในบรรยากาศและระดับความสูง ดังนี้
การออกเดินทาง ทัวร์แสงเหนือ จะพาคุณไปยังพื้นที่ที่เรียกว่า เขตวงรีแสงออโรรา (Aurora Oval) ซึ่งเป็นเขตที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือสูงที่สุดในโลก โดยจุดหมายยอดนิยม ได้แก่:
นอร์เวย์ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนในฝันของนักล่าแสงเหนือ ด้วยวิวฟยอร์ดและภูเขาที่โอบล้อมด้วยทะเลแถบอาร์กติก จุดหมายยอดนิยมคือ ทรอมโซ (Tromsø) เมืองเล็ก ๆ ที่สามารถมองเห็นแสงเหนือได้จากกลางเมือง หรือจะเดินทางต่อไปยัง หมู่เกาะลอฟเทน (Lofoten) เพื่อสัมผัสแสงเหนือท่ามกลางธรรมชาติ และ อัลตา (Alta) เมืองที่ผสมผสานการชมแสงเข้ากับวัฒนธรรมซามิพื้นเมือง
สวีเดนเหมาะสำหรับคนที่มองหาประสบการณ์ชมแสงเหนือแบบสงบและไม่วุ่นวาย หนึ่งในจุดชมที่ดีที่สุดคือ อาบิสโก (Abisko) ซึ่งมี “ช่องฟ้าใส” หรือ Blue Hole ที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือสูงแม้อากาศจะไม่เป็นใจ อีกเมืองที่ไม่ควรพลาดคือ คิรูนา (Kiruna) เมืองเหมืองทางตอนเหนือซึ่งเป็นประตูสู่กิจกรรมฤดูหนาวมากมาย
หากฝันถึงการนอนดูแสงเหนือจากบ้านอิกลูแก้ว ฟินแลนด์คือคำตอบ! เริ่มจาก โรวาเนียมี (Rovaniemi) เมืองหลวงแห่งแลปแลนด์ที่เป็นทั้งบ้านซานตาคลอสและจุดเริ่มต้นทริปล่าแสงเหนือ จากนั้นมุ่งหน้าไปยัง ซารีเซลกา (Saariselkä) เมืองเล็กที่เต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์และเงียบสงบ หรือ เคมิ (Kemi) เมืองชายทะเลที่มีโรงแรมน้ำแข็งชื่อดัง
แสงเหนือในไอซ์แลนด์มักจะปรากฏเหนือน้ำตก ภูเขาไฟ หรือทะเลสาบน้ำแข็ง ทำให้ทุกการถ่ายภาพดูราวกับโปสต์การ์ด จุดเริ่มต้นยอดนิยมคือ เรคยาวิก (Reykjavik) เมืองหลวงที่สามารถออกทริปล่าแสงเหนือรอบนอกได้สะดวก ส่วนใครที่เน้นภาพถ่ายควรมุ่งหน้าไปยัง ภูเขาเคิร์กจูเฟล (Kirkjufell) ซึ่งเป็นฉากหลังที่โด่งดังที่สุดของแสงเหนือ
แคนาดาโดดเด่นเรื่องพื้นที่โล่งและท้องฟ้าที่ไร้มลภาวะ เหมาะกับการชมแสงเหนืออย่างเงียบสงบ หนึ่งในเมืองยอดฮิตคือ เยลโลว์ไนฟ์ (Yellowknife) ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องการเห็นแสงเหนือแทบทุกคืนในฤดูหนาว หรือจะเลือก ไวต์ฮอร์ส (Whitehorse) ในยูคอน ที่มีทั้งวิวภูเขาและทะเลสาบล้อมรอบ ส่วน เชิร์ชิลล์ (Churchill) ก็เหมาะสำหรับผู้ที่อยากชมแสงเหนือควบคู่กับหมีขั้วโลก
อลาสกาให้บรรยากาศการล่าแสงเหนือแบบดิบและตื่นเต้น โดยเฉพาะใน แฟร์แบงค์ส (Fairbanks) ซึ่งถือเป็นเมืองอันดับต้น ๆ สำหรับการชมแสงในอเมริกาเหนือ หรือถ้าชอบธรรมชาติมากขึ้น แนะนำให้ไปยัง เดนาเล่ (Denali) ใกล้อุทยานแห่งชาติชื่อเดียวกัน หรือ แองคอเรจ (Anchorage) เมืองชายฝั่งที่สามารถชมแสงเหนือควบคู่กับทริปเที่ยวทะเลสาบน้ำแข็งได้
กรีนแลนด์ เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดในโลกในการชมแสงเหนือ ด้วยท้องฟ้าที่มืดสนิทและมลภาวะทางแสงต่ำมาก คุณจึงสามารถมองเห็นแสงออโรร่าสีเขียวเข้มจนถึงม่วงได้อย่างชัดเจน แนะนำให้เดินทางในช่วงฤดูหนาวระหว่าง ปลายกันยายน - ต้นเมษายน โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคมเป็นช่วงที่ฟ้ามืดนานและมีโอกาสเห็นแสงเหนือสูง เมืองยอดนิยมสำหรับชมแสงเหนือในกรีนแลนด์ เช่น อิลลูลิแซต (Ilulissat) เมืองริมฟยอร์ดที่เป็นมรดกโลก UNESCO ล้อมรอบด้วยภูเขาน้ำแข็ง เหมาะสำหรับชมแสงเหนือสะท้อนบนธารน้ำแข็ง และคันเกอร์ลุสซวก (Kangerlussuaq) เมืองในเขตภายในที่มีท้องฟ้าเปิดเกือบตลอดฤดูหนาว จึงมีโอกาสเห็นแสงเหนือมากถึง 300 คืนต่อปี
หากคุณวางแผนไป ทัวร์ล่าแสงเหนือ ควรเลือกเดินทางในช่วง กันยายน - มีนาคม โดยเฉพาะเดือน ธันวาคม – กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงกลางคืนยาว อากาศหนาว ฟ้าเปิด และมีโอกาสสูงในการมองเห็นแสงเหนือ
แสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากกิจกรรมของดวงอาทิตย์ แม้จะไปในช่วงที่เหมาะและสถานที่ยอดนิยม แต่ก็อาจไม่ปรากฏให้เห็นในบางคืน ดังนั้นควรวางแผนเผื่อหลายวัน และเลือกทัวร์ที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยตามพยากรณ์
โหลดแอปอย่าง My Aurora Forecast, Aurora Alerts หรือ Aurora Forecast เพื่อเช็กค่าดัชนี KP ล่วงหน้า หากค่ามากกว่า 4–5 มีโอกาสเห็นชัดขึ้นมาก
ควรแต่งตัวแบบหลายชั้น (Layering) เช่น ชั้นใน: เสื้อรัดรูปกันหนาว, ชั้นกลาง: แจ็กเก็ตฟลีซหรือขนเป็ดชั้นนอก: โค้ทกันลมและกันน้ำ อย่าลืมหมวกไหมพรม ถุงมือ และรองเท้ากันลื่นด้วยนะ
หากอยากเก็บภาพแสงเหนือ ควรใช้กล้อง DSLR หรือ Mirrorless พร้อมขาตั้งกล้อง และตั้งค่าโหมด Long Exposure หรือ Manual เพื่อจับแสงได้นานขึ้น
ควรเลือกทัวร์ที่มีไกด์ท้องถิ่นหรือทีมที่มีประสบการณ์ล่าแสงเหนือ เพราะพวกเขาจะรู้ว่าจะพาไปจุดไหน เวลาใด ที่มีโอกาสเห็นได้มากที่สุด
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากสัมผัสความงดงามของธรรมชาติแบบที่ไม่มีในเมืองไทย ลองไป ทัวร์แสงเหนือ ดูสักครั้ง แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมปรากฏการณ์นี้ถึงสะกดใจคนทั่วโลกได้อย่างน่าทึ่ง แล้วมาออกไปเที่ยวดูแสงเหนือกันเยอะ ๆ นะคะ