กำลังอยากไปเที่ยวภูเขาหิมะมังกรหยกอยู่หรือป่าว? ถ้าใช่แล้วเคยสงสัยไหมว่า ภูเขาหิมะมังกรหยก ควรไปเดือนไหนดี? วันนี้ Travelzeed มีคำตอบ เทือกเขาหิมะสุดอลังการแห่งเมืองลี่เจียง คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด เพราะแต่ละฤดูก็จะมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน ไปทำความรู้จักภูเขาลูกนี้กันเลยยยย!!!
ภูเขาหิมะมังกรหยก อยู่ที่ไหน?
ภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองลี่เจียง (Lijiang) มณฑลยูนนาน (Yunnan) ประเทศจีน เป็นเทือกเขาศักดิ์สิทธิ์ของชาวนาซี สูงกว่า 5,596 เมตร มีหิมะปกคลุมตลอดปี และประกอบด้วยยอดเขา 13 ยอดที่คล้ายมังกรเลื้อย ได้รับการจัดอันดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A และขึ้นทะเบียนอุทยานธรณีธารน้ำแข็งแห่งชาติ ถือเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดผู้คนให้มาเยือนตลอดทั้งปี
เที่ยวภูเขาหิมะมังกรหยก เดือนไหนดี? เทียบ 4 ฤดู กับความสวยงามที่แตกต่าง
1. ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)
หากคุณกำลังสงสัยว่า “ภูเขาหิมะมังกรหยก ควรไปเดือนไหน” เพื่อได้สัมผัสทั้งหิมะและธรรมชาติสีเขียวสดใส “ฤดูใบไม้ผลิ” คือคำตอบที่ลงตัวที่สุด หิมะเริ่มละลาย เผยให้เห็นวิวภูเขาสลับกับทุ่งหญ้าและดอกไม้ป่านานาพันธุ์ อุณหภูมิเฉลี่ย 5°C – 15°C ทำให้บรรยากาศเย็นสบาย เหมาะกับการเดินป่า ถ่ายรูปวิวหิมะขาวตัดกับสีเขียวของธรรมชาติ
2. ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน)
ถ้าอยากเห็นทั้งหิมะและใบไม้เปลี่ยนสี ฤดูใบไม้ร่วงคือตัวเลือกที่ห้ามพลาด! ใบไม้สีแดง ส้ม ทอง สลับกับยอดเขาหิมะขาว เป็นภาพที่งดงามยิ่งกว่างานศิลป์ อุณหภูมิ 8°C – 18°C เย็นสบาย เดินป่าก็ฟิน ถ่ายรูปก็สวยทุกมุม โดยเฉพาะแสงอาทิตย์ยามเช้า–เย็นที่สะท้อนผ่านใบไม้และยอดเขา
3. ฤดูร้อน (มิถุนายน – กันยายน)
หน้าร้อนคือคำตอบของสายธรรมชาติ ถ้าอยากชมเขียวขจีแบบจัดเต็ม อุณหภูมิเฉลี่ย 14°C – 23°C ไม่ร้อนเกินไป เพราะระดับความสูงยังคงรักษาอากาศให้เย็นสบาย แต่อาจเจอฝนบ้างในช่วงกลางวัน แนะนำเตรียมร่มและเสื้อกันฝนติดตัวไว้ ไฮไลต์อีกอย่างคือการถ่ายรูปกับจามรี (Yak) พื้นเมือง และชมวิวหุบเขาที่เต็มไปด้วยแม่น้ำจากน้ำแข็งละลาย สีฟ้าอมเขียวใสสะอาด
4. ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)
หากคุณชอบหิมะหนานุ่ม ขาวโพลนทั่วทุกยอดเขา ฤดูหนาวคือช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุด ยิ่งถ้าคุณค้นหาว่า ภูเขาหิมะมังกรหยก ควรไปเดือนไหน เพื่อได้สัมผัสความหนาวระดับ 0°C – 10°C พร้อมกับภาพธรรมชาติที่ตัดกันระหว่างฟ้าสีครามกับหิมะขาว ฤดูหนาวคือคำตอบที่ “ใช่” ที่สุด อย่าพลาดการขึ้นกระเช้าลอยฟ้าสู่จุดชมวิว 4,500 เมตร และเดินบนไม้กระดานเหนือน้ำแข็งแบบ 360 องศา
จุดเช็คอิน เมื่อไปภูเขาหิมะมังกรหยก
1. อุทยานธารน้ำแข็ง (Glacier Park)
อุทยานธารน้ำแข็ง (Glacier Park) ตั้งอยู่บนเนินเขาด้านตะวันออกเฉียงเหนือของภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) ที่ระดับความสูงกว่า 4,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นหนึ่งในจุดชมธารน้ำแข็งที่สวยงามที่สุดของจีน และยังมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี แม้ในฤดูร้อนก็ยังสามารถชมวิวหิมะขาวโพลนได้อย่างชัดเจน สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือน
สามารถเดินทางขึ้นสู่ Glacier Park ใช้กระเช้าลอยฟ้าขนาดใหญ่ (Big Cable Car) ใช้เวลาประมาณ 15–30 นาที ระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะได้ชมภูมิประเทศหลากหลาย ตั้งแต่ป่ากึ่งร้อนไปจนถึงลานหิมะบนยอดเขา ท่ามกลางอากาศเย็นจัดและทิวทัศน์ที่งดงาม
2. ชมโชว์ อิมเพรสชัน ลี่เจียง (Impressions of Lijiang)
หนึ่งในประสบการณ์ที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนลี่เจียงคือ ชมการแสดง “อิมเพรสชัน ลี่เจียง” (Impressions of Lijiang) การแสดงกลางแจ้งสุดอลังการที่กำกับโดย จาง อี้โหมว ผู้กำกับชื่อดังระดับโลก ซึ่งเนรมิตฉากธรรมชาติของ ภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) ให้กลายเป็นเวทีแสดงจริงกลางแจ้งที่ระดับความสูงกว่า 3,100 เมตรจากระดับน้ำทะเล โชว์นี้นำเสนอวัฒนธรรมและประเพณีของชนเผ่าต่าง ๆ ในพื้นที่ลี่เจียง โดยมีนักแสดงกว่า 500 คนร่วมแสดง
3. ทุ่งหญ้าหยุนซานผิง (Yun Shan Ping)
ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยสีเขียวขจี ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) ที่เป็นฉากหลังอันสวยงามราวกับภาพวาด ให้ความรู้สึกราวกับว่าภูเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม
ทัศนียภาพโดยรอบของทุ่งหญ้าแห่งนี้เต็มไปด้วยความสดชื่นของธรรมชาติ ทั้งภูเขาสูง ต้นไม้ที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ และทุ่งหญ้าที่ทอดยาวสุดสายตา บริเวณตรงกลางมีถนนไม้ที่เรียกว่า “ถนนกระดาษไม้” ตัดผ่าน เป็นมุมถ่ายรูปที่สวยและได้รับความนิยมมาก ในบางจุดยังมีสัตว์เลี้ยงให้ชม เพิ่มความน่ารักและชีวิตชีวาให้กับสถานที่ เดินเข้าสู่เส้นทางป่า หรือนั่งพักผ่อนท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์บนลานหญ้า สูดกลิ่นไอธรรมชาติอย่างเต็มปอด สัมผัสบรรยากาศเงียบสงบและงดงามที่ยากจะลืม
4. หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน (Blue Moon Valley)
หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน หรือ Blue Moon Valley เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่ตั้งอยู่เชิง ภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) โดดเด่นด้วยแม่น้ำสายเล็กสีฟ้าอมเขียว ที่เกิดจากการละลายของหิมะบนยอดเขา น้ำใสสะอาดราวกับกระจก และเย็นสบายตลอดปี สายน้ำไหลผ่านท่ามกลางหุบเขาและธรรมชาติอันเขียวชอุ่ม สร้างบรรยากาศที่สงบและโรแมนติก เหมาะแก่การเดินเล่น ถ่ายภาพ หรือพักผ่อนริมธาร
ไฮไลต์น่ารักของที่นี่คือ น้องจามรี (Yak) สัตว์พื้นเมืองขนฟูนุ่มนิ่ม ที่พร้อมให้บริการนักท่องเที่ยวสำหรับขี่ชมวิวหรือถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ท่ามกลางฉากหลังอันสวยงามของภูเขาหิมะและแหล่งน้ำสีฟ้าใส
5. น้ำตกแม่น้ำไป๋สุ่ย (White Water River)
แม่น้ำไป๋สุ่ย (White Water River) เป็นแม่น้ำที่เกิดจากน้ำแข็งละลายบนภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) ไหลผ่านหุบเขาและโตรกผาในภูมิประเทศที่สวยงาม ล้อมรอบด้วยธรรมชาติสีเขียวขจี จุดเด่นคือสายน้ำสีขาวใสราวคริสตัลที่สะอาดบริสุทธิ์จากการไหลผ่านหินและกรวดจำนวนมาก
หนึ่งในไฮไลต์คือ “น้ำตกขั้นบันไดสีขาว” ซึ่งแม้จะไม่ใช่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติโดยสมบูรณ์ แต่ก็ได้รับการออกแบบให้กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม โดยมีลักษณะโค้งคล้ายพระจันทร์เสี้ยว และมีน้ำตกที่ลดหลั่นลงมาเป็นชั้น ๆ สะท้อนสีขาวตัดกับฉากหลังของภูเขาหิมะที่สง่างาม น้ำตกแห่งนี้มักถูกเปรียบว่าเป็น “ปามูคคาเล่ขนาดย่อม” ของลี่เจียง
สิ่งที่ควรรู้ก่อนขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยก
การเที่ยวชม ภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) ถือเป็นหนึ่งในประสบการณ์สุดพิเศษที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักเดินทางสายธรรมชาติ แต่เนื่องจากระดับความสูงกว่า 4,500 เมตร และอากาศที่หนาวจัดตลอดปี จึงจำเป็นต้องวางแผนล่วงหน้าและเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อความปลอดภัยและความสนุกตลอดทริป
1. การเตรียมตัวรับมือกับอากาศหนาวและระดับความสูง
- อุณหภูมิและสภาพอากาศ บนยอดเขามีอุณหภูมิที่ต่ำมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิอาจต่ำถึง -6.8°C และลมแรงอาจทำให้รู้สึกหนาวจัด
- อาการจากความสูง (Altitude Sickness) เนื่องจากความสูงที่มากกว่า 4,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล อาจทำให้เกิดอาการเวียนหัว หายใจลำบาก หรือคลื่นไส้ได้ ควรใช้เวลาในการปรับตัวและหลีกเลี่ยงการออกแรงมากเกินไป
2. ของใช้จำเป็นสำหรับการเดินทาง
- เสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาว ควรสวมเสื้อผ้าหลายชั้นที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ เช่น เสื้อกันลม เสื้อกันน้ำ ถุงมือ และรองเท้าที่เหมาะสม
- ออกซิเจนกระป๋อง แนะนำให้นำออกซิเจนกระป๋องติดตัวไปด้วย เพื่อช่วยบรรเทาอาการจากความสูง
- อาหารและน้ำดื่ม ควรพกอาหารว่าง เช่น ช็อกโกแลต และน้ำดื่ม เพื่อเพิ่มพลังงานและป้องกันการขาดน้ำ
- ยาและอุปกรณ์ส่วนตัว หากมีโรคประจำตัว ควรพกยาติดตัวไปด้วย และควรพกถุงมือ แว่นกันแดด และครีมกันแดด เพื่อป้องกันแสงแดดแรงและลมหนาวบนที่สูง
3. การเดินทางและการขึ้นกระเช้า
- กระเช้าลอยฟ้า มีบริการกระเช้าหลายสาย เช่น กระเช้า Glacier ที่พานักท่องเที่ยวขึ้นไปยังจุดชมวิวที่ระดับความสูง 4,506 เมตร
- ค่าใช้จ่าย ราคาตั๋วสำหรับการขึ้นกระเช้าและเข้าชมอุทยานอาจแตกต่างกัน ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดก่อนการเดินทาง
- เวลาเปิด-ปิด อุทยานเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06:30 – 18:00 น.
4. ข้อควรระวังด้านสุขภาพและความปลอดภัย
- การปรับตัว ให้เวลาร่างกายปรับตัวกับความสูงก่อนการเดินทางขึ้นยอดเขา
- หลีกเลี่ยงการออกแรงมาก หลีกเลี่ยงการวิ่งหรือออกแรงมากเกินไป เพื่อป้องกันอาการจากความสูง
- ฟังสัญญาณจากร่างกาย หากรู้สึกไม่สบาย เช่น เวียนหัว คลื่นไส้ หรือหายใจลำบาก ควรหยุดพักและขอความช่วยเหลือทันที
การขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยกไม่เพียงแต่เป็นการชมวิวหิมะขาวสวยตระการตาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสัมผัสธรรมชาติที่ความสูงระดับโลก ดังนั้นหากคุณเตรียมตัวตามคำแนะนำด้านบน รับรองว่าเที่ยวได้อย่างอุ่นใจ ปลอดภัย และเต็มไปด้วยความทรงจำที่ล้ำค่า
สรุป : เที่ยวภูเขาหิมะมังกรหยก เดือนไหนดีที่สุด?
“ภูเขาหิมะมังกรหยก” (Jade Dragon Snow Mountain) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติสุดอลังการ ที่เที่ยวได้ตลอดปี แต่…ถ้าถามว่า “เดือนไหนดีที่สุด?” คำตอบขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณอยากเห็น ไม่ว่าจะเป็นหิมะขาว ท้องฟ้าใส ใบไม้เปลี่ยนสี หรือดอกไม้ผลิบาน เราสรุปให้แล้วที่นี่!
❄️ ชอบหิมะขาว วิวอลังการ ต้องไปช่วง ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)
🌸 อยากเห็นหิมะกับธรรมชาติสีเขียว ต้องไป ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)
🍁 อยากชมใบไม้เปลี่ยนสี + หิมะบางส่วน แนะนำ ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน)
🌿 ถ้าชอบเขียวชอุ่มสดชื่น ให้เลือก ฤดูร้อน (มิถุนายน – กันยายน)