เที่ยวยุโรปตะวันออกช่วงไหนดี ? เป็นหนึ่งในคำถามยอดนิยมของคนที่กำลังวางแผนเที่ยว เพราะภูมิภาคนี้มีเสน่ห์แตกต่างกันในแต่ละฤดู แต่ถ้าต้องเลือก ช่วงที่น่าเที่ยวที่สุดจริง ๆ ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ไปใน ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน–พฤษภาคม) และ ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน–ตุลาคม) เพราะอากาศกำลังดี เดินเที่ยวสบาย วิวสวย และที่สำคัญราคาค่าเดินทาง–ที่พักยังไม่สูงเท่าช่วงฤดูร้อน
ดังนั้น หากถามว่า เที่ยวยุโรปตะวันออกเดือนไหนดี ช่วงใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงถือว่าคุ้มค่าที่สุด ทั้งในแง่บรรยากาศและงบประมาณ และถ้าคุณกำลังมองหาว่า “เที่ยวยุโรปตะวันออกช่วงไหนดีให้ได้วิวสวยที่สุด” บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกฤดู ทุกรายละเอียด ตั้งแต่อากาศแต่ละเดือน งบประมาณที่ควรรู้ ไปจนถึงเทศกาลดังที่ต้องไปให้ถูกช่วง
เที่ยวยุโรปตะวันออก แต่ละฤดูดีอย่างไร
ยุโรปตะวันออกเป็นภูมิภาคที่มีครบทั้ง 4 ฤดู และแต่ละฤดูก็มีเสน่ห์แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นอากาศ กิจกรรม วิวทิวทัศน์ ไปจนถึงงบประมาณที่ต้องใช้ จึงตอบได้ว่า เที่ยวยุโรปตะวันออกช่วงไหนดี นั้นขึ้นอยู่กับสไตล์การเที่ยวของคุณเป็นหลัก หากยังไม่แน่ใจว่า ยุโรปตะวันออกมีประเทศอะไรบ้าง แนะนำให้ดูภาพรวมก่อน เพื่อช่วยวางแผนเลือกฤดูและจุดหมายที่เหมาะกับทริปของคุณมากที่สุด
1. ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม–พฤษภาคม)
ฤดูใบไม้ผลิ คือหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวยุโรปตะวันออก เพราะอากาศเริ่มอุ่นขึ้น ดอกไม้บานทั่วเมือง สวนสาธารณะจะเต็มไปด้วยดอกไม้มากมาย และนักท่องเที่ยวไม่หนาแน่นเท่าฤดูร้อน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่อยากเดินเที่ยวแบบชิล ๆ
ฤดูใบไม้ผลิ ยุโรปตะวันออก ยังเป็นช่วงที่ค่าใช้จ่ายไม่สูง เหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาว่า เที่ยวยุโรปตะวันออกเดือนไหนดีสำหรับอากาศสบายที่สุด
อุณหภูมิโดยเฉลี่ย: 8–18°C
จุดเด่นฤดูใบไม้ผลิ:
- อากาศเย็นสบาย ดอกไม้บานทั่วเมือง เหมาะกับการเดินเที่ยว
- สีสันสดใส ถ่ายรูปออกมาสวยมาก
- นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะ ทำให้เที่ยวได้ชิล
- ค่าตั๋วและโรงแรมถูกกว่า High Season
2. ฤดูร้อน (มิถุนายน–สิงหาคม)
ฤดูร้อน คือ High Season ของยุโรปเลย เพราะอากาศดีที่สุด ฝนตกน้อย ท้องฟ้าใส และมีกิจกรรมกลางแจ้งให้เลือกทำมากที่สุดทั้งปี เหมาะกับครอบครัวที่ต้องการเที่ยวแบบสนุกเต็มวัน
ฤดูร้อน ยุโรปตะวันออก ก็มีความคึกคักไม่แพ้ยุโรปตะวันตกเลย แต่มีค่าใช้จ่ายที่เป็นมิตรมากกว่า จึงได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยวสายครอบครัวทั่วโลก
อุณหภูมิโดยเฉลี่ย: 8–18°C
จุดเด่นฤดูร้อน:
- อากาศอุ่น ท้องฟ้าใส เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้ง
- เทศกาลดนตรี–ศิลปะจัดตลอดฤดู เมืองคึกคักที่สุดของปี
- เวลากลางวันยาว เที่ยวได้ถึงค่ำ
3. ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน–พฤศจิกายน)
ฤดูใบไม้ร่วงในยุโรปตะวันออกคือ “ช่วงเวลาที่นักเดินทางทั่วโลกหลงรักมากที่สุด” และมักถูกมองว่าเป็น ฤดูที่สวยที่สุดของปี เพราะเมืองประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิกจะถูกแต่งแต้มด้วยสีเหลือง–แดง–ส้มทั่วทั้งเมือง สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติกแบบที่หาไม่ได้จากฤดูอื่น
และนี่คือฤดูที่ตอบคำถามหลายคนว่า “เที่ยวยุโรปตะวันออกช่วงไหนดีให้ได้รูปสวยที่สุด?”
คำตอบก็คือ “ช่วงปลายกันยายนถึงกลางตุลาคม” ซึ่งเป็นพีคของใบไม้เปลี่ยนสี
อุณหภูมิ: 10–20°C
จุดเด่นฤดูใบไม้ร่วง:
- ใบไม้เปลี่ยนสีพีคที่สุดของยุโรปตะวันออก
- อากาศเย็นกำลังดี เดินเที่ยวสบาย ไม่ร้อน ไม่หนาว
- นักท่องเที่ยวน้อยลง ถ่ายรูปง่าย วิวสวยมาก
- ราคาตั๋วและที่พักเริ่มลดหลังฤดูร้อน
4. ฤดูหนาว (ธันวาคม–กุมภาพันธ์)
ฤดูหนาวคือช่วงเวลาที่โรแมนติกที่สุดของยุโรปตะวันออก เมืองเก่าถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาว สองข้างทางเต็มไปด้วยแสงไฟและบรรยากาศอบอุ่นของตลาดคริสต์มาส กลิ่นไวน์ร้อน ขนมปังอบ และเสียงดนตรีสด ทำให้หลายคนอยากมาสัมผัสความรู้สึกนี้ให้ได้สักครั้งในชีวิต
นี่คือฤดูที่เหมาะกับคนอยากเห็น “หิมะแรก” แบบใกล้ชิด และยังเป็นคำตอบยอดนิยมสำหรับใครที่กำลังค้นหา เที่ยวยุโรปหน้าหนาวที่ไหนดี เพราะทั้งบรรยากาศและประสบการณ์ที่ได้ช่างแตกต่างจากฤดูอื่นอย่างชัดเจน
อุณหภูมิ: -2 ถึง 5°C
จุดเด่นฤดูหนาว:
- เมืองคลุมด้วยหิมะ สร้างบรรยากาศโรแมนติกแบบยุโรปแท้ ๆ
- Christmas Market สวยเป็นอันดับต้น ๆ ของยุโรป โดยเฉพาะใน Prague, Budapest และ Vienna
- เหมาะกับกิจกรรมฤดูหนาว เช่น เล่นสกี แช่น้ำพุร้อน เดินเมืองเก่าท่ามกลางหิมะ
- หลังปีใหม่ราคาที่พักและเที่ยวบินค่อย ๆ ลดลง เหมาะสำหรับสายเที่ยวแบบคุ้มค่า
12 เดือนยุโรปตะวันออก (สรุปสภาพอากาศ + ค่าใช้จ่าย)
เพื่อช่วยตอบคำถามว่า เที่ยวยุโรปตะวันออกเดือนไหนดีที่สุด นี่คือตารางสรุปอุณหภูมิและค่าใช้จ่ายรายเดือนแบบเข้าใจง่าย
|
เดือน |
อุณหภูมิเฉลี่ย |
ค่าใช้จ่าย |
น่าเที่ยวเพราะ… |
|
ม.ค. |
-5 ถึง 3°C |
40,000–55,000 บาท |
หิมะหนา วิวเมืองขาว สวยมาก |
|
ก.พ. |
-3 ถึง 5°C |
35,000–45,000 บาท |
หนาวสุดของปี แต่ค่าใช้จ่ายถูกที่สุด |
|
มี.ค. |
5–10°C |
45,000–60,000 บาท |
เข้าสู่ต้นฤดูใบไม้ผลิ อากาศเริ่มอุ่น |
|
เม.ย. |
10–15°C |
45,000–60,000 บาท |
ดอกไม้บาน เมืองสดใส ถ่ายรูปง่าย |
|
พ.ค. |
15–20°C |
45,000–60,000 บาท |
อากาศดีที่สุดของปี เที่ยวสบาย |
|
มิ.ย. |
20–27°C |
70,000–85,000 บาท |
เทศกาลเริ่มคึกคัก อากาศดีทั้งวัน |
|
ก.ค. |
25–32°C |
85,000 บาทขึ้นไป |
ช่วงพีค (ฤดูร้อน) กิจกรรมกลางแจ้งเยอะ |
|
ส.ค. |
23–30°C |
70,000–85,000 บาท |
เที่ยวสนุกสุดในปี เมืองมีชีวิตชีวา |
|
ก.ย. |
18–25°C |
45,000–60,000 บาท |
ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี อากาศสบายมาก |
|
ต.ค. |
10–18°C |
40,000–55,000 บาท |
พีคใบไม้เปลี่ยนสี สีส้ม–แดงทั่วเมือง |
|
พ.ย. |
5–10°C |
35,000–45,000 บาท |
คนน้อย อากาศเย็นกำลังดี เหมาะกับเดินเที่ยว |
|
ธ.ค. |
-2 ถึง 5°C |
60,000–75,000 บาท |
บรรยากาศคริสต์มาสสุดอลังการ |
สรุป เที่ยวยุโรปตะวันออกช่วงไหนดี แบบเข้าใจง่าย
จากข้อมูลทั้งหมด หากสรุปแบบกระชับที่สุดว่า เที่ยวยุโรปตะวันออกช่วงไหนดีที่สุด คำตอบคือ ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค – พ.ค.) และ ฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย. – พ.ย.) เพราะอากาศดี วิวสวย และราคาคุ้มที่สุดของปี
|
ประเภทนักท่องเที่ยว |
ฤดูที่เหมาะที่สุด |
เหตุผล |
|
สายประหยัด |
พฤษภาคม / ตุลาคม |
ราคาดี อากาศดี คนไม่เยอะ |
|
สายครอบครัวที่มีเด็ก |
มิ.ย. – ส.ค. |
เทศกาลเยอะ เด็กเที่ยวสนุก |
|
สายถ่ายรูป |
ปลายก.ย. – กลางต.ค. |
ใบไม้สีสวยที่สุด |
|
สายคริสต์มาส |
ธ.ค. |
ตลาดคริสต์มาส + หิมะ |
เมืองแนะนำตามฤดู
- ใบไม้ผลิ: Prague (เช็ก), Budapest (ฮังการี), Krakow (โปแลนด์), Sofia (บัลแกเรีย), Minsk (เบลารุส)
- ฤดูร้อน: Varna (บัลแกเรีย), Brașov (โรมาเนีย), Bratislava (สโลวาเกีย), Chișinău (มอลโดวา), Gdańsk (โปแลนด์)
- ใบไม้ร่วง: Prague (เช็ก), Krakow (โปแลนด์), Budapest (ฮังการี), Sibiu (โรมาเนีย), Veliko Tarnovo (บัลแกเรีย)
- ฤดูหนาว: Prague (เช็ก), Budapest (ฮังการี), Krakow (โปแลนด์), Bratislava (สโลวาเกีย), Sofia (บัลแกเรีย), Minsk (เบลารุส)






