ถ้าหากพูดถึง ที่เที่ยวอิตาลี หลายคนอาจนึกถึงแค่เมืองยอดฮิตอย่างโรม เวนิส หรือฟลอเรนซ์ แต่จริง ๆ แล้ว อิตาลียังซ่อนสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจไว้อีกมากมายทั่วประเทศที่เต็มไปด้วยอารยธรรมโบราณ สถาปัตยกรรมสุดตระการตา ธรรมชาติที่สวยเกินบรรยาย และผลงานศิลปะระดับโลก การ เที่ยวอิตาลี ไม่ได้มีแค่การเดินชมเมืองเก่าเท่านั้นนะ แต่ยังมีชายฝั่งทะเล หมู่บ้านโบราณ ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ที่เก็บผลงานระดับตำนานของศิลปินชื่อดังไ้ว้มากมาย
บทความนี้ Travelzeed จะพาคุณเปิดลิสต์ 15 แหล่งท่องเที่ยวอิตาลี ที่ไม่ควรพลาด ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพ ชอบศิลปะ หรือหลงใหลในความอลังการของอดีต รับรองเลยว่าทุกที่ที่เราคัดมา จะทำให้คุณหลงรักอิตาลีเข้าเต็มหัวใจ พร้อมแล้วไปสำรวจ สถานที่ท่องเที่ยวอิตาลี กันเลย ว่ามีที่ไหนที่คุณต้องปักหมุดไว้ในทริปหน้าบ้าง
1. โคลอสเซียม (Colosseum)
หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ โคลอสเซียมคือสนามประลองรูปวงรีขนาดยักษ์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 80 เพื่อใช้จัดการต่อสู้ของนักสู้และการแสดงต่าง ๆ รองรับผู้ชมได้ถึง 50,000 คน ปัจจุบันแม้จะเหลือเพียงซากโครงสร้าง แต่ยังคงถ่ายทอดพลังและความรุ่งเรืองของอารยธรรมโรมันได้อย่างชัดเจน ถือเป็นจุดหมายสำคัญของผู้มาเยือนอิตาลีที่ต้องการสัมผัสประวัติศาสตร์อย่างใกล้ชิด
2. มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Basilica)
หนึ่งในแลนด์มาร์กระดับโลกของที่เที่ยวอิตาลี โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซองส์และโดมขนาดยักษ์ที่ออกแบบโดย Michelangelo ซึ่งสามารถขึ้นไปชมวิวเมืองได้แบบพาโนรามา ภายในวิหารประดับประดาด้วยงานศิลป์ระดับมาสเตอร์พีซ เช่น “Pieta” และแท่นบูชาอันวิจิตร พร้อมโบสถ์ใต้ดินที่เก็บรักษาหลุมศพนักบุญเปโตร ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคริสตจักรคาทอลิก และจุดหมายสำคัญที่นักเดินทางทั่วโลกต้องมาเยือนสักครั้ง
3. หอเอนเมืองปิซา (Pisa Tower)
หนึ่งในแลนด์มาร์กโด่งดังของโลก หอเอนเมืองปิซาเป็นหอระฆังที่เริ่มเอียงตั้งแต่ก่อสร้างในศตวรรษที่ 12 เนื่องจากฐานรากไม่มั่นคง ความเอียงนี้กลับกลายเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ และยังเป็นจุดถ่ายภาพยอดฮิตที่ใคร ๆ ก็ต้องโพสท่าดันหอไว้เป็นที่ระลึก
4. ถ้ำบลูกร็อตโต (Blue Grotto)
ถ้ำทะเลชื่อดังบนเกาะคาปรีที่มีน้ำทะเลสีฟ้าเรืองแสงราวกับเวทมนตร์ เกิดจากแสงอาทิตย์สะท้อนผ่านช่องใต้น้ำเข้าสู่ถ้ำ ทำให้น้ำภายในเปล่งประกายสีฟ้าสดใส นักท่องเที่ยวต้องนั่งเรือพายลำเล็กเข้าไปชมความงามที่แสนพิเศษแห่งนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายห้ามพลาดของคนมาเยือนอิตาลี
5. แกลเลอรี่ อุฟฟิซี (Uffizi Gallery)
หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เก่าแก่และทรงคุณค่าที่สุดในโลก รวบรวมผลงานระดับมาสเตอร์พีซจากยุคเรอเนสซองส์ เช่น “The Birth of Venus” โดย Botticelli และผลงานของ Leonardo da Vinci, Michelangelo และ Caravaggio เหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลในศิลปะคลาสสิกและต้องการเข้าใจจิตวิญญาณของอิตาลีอย่างลึกซึ้ง
6. มหาวิหารฟลอเรนซ์ (Florence Cathedral)
โบสถ์แห่งนี้โดดเด่นด้วยโดมขนาดใหญ่ที่ออกแบบโดยบรูเนลเลสกี ถือเป็นสัญลักษณ์ของศิลปะยุคเรอเนสซองส์ หน้าจั่วหินอ่อนสีขาว-เขียว-ชมพูตัดกันอย่างงดงาม ภายในตกแต่งด้วยภาพเฟรสโกเรื่องวันพิพากษาครั้งสุดท้าย และยังสามารถขึ้นบันไดกว่า 400 ขั้นเพื่อชมวิวเมืองมุมสูงแบบพาโนรามา เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ชื่นชอบสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์อิตาลี
7. โบสถ์เซนต์มาร์ก (St. Mark’s Basilica)
ศิลปะไบแซนไทน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลี โบสถ์เซนต์มาร์กโดดเด่นด้วยโดมทองคำ ภาพโมเสกกว่า 8,000 ตารางเมตร และเสาหินนำเข้าจากตะวันออกกลาง เป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งเวนิสและศูนย์กลางความศรัทธาของผู้คน ที่นี่ผสมผสานระหว่างศิลปะ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ
8. สะพานเรียลโต (Rialto Bridge)
สะพานเรียลโตเป็นสะพานหินโค้งสุดคลาสสิกที่ทอดข้ามคลองแกรนด์คาแนล โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสมัยเรอเนสซองส์และวิวริมคลองสุดโรแมนติก ด้านล่างมีตลาดท้องถิ่นและร้านค้าของที่ระลึกมากมาย เหมาะสำหรับการเดินเล่น ถ่ายรูป และสัมผัสบรรยากาศแบบเวนิสแท้ ๆ
9. ทะเลสาบโคโม (Lake Como)
ทะเลสาบรูปตัว Y กลับหัวที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและหมู่บ้านเล็กๆ แสนโรแมนติก เป็นหนึ่งในที่เที่ยวอิตาลีด้านธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุด บรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน มีเรือเฟอร์รี่ให้ล่องชมวิวและแวะเที่ยวหมู่บ้านชื่อดังอย่าง Bellagio หรือ Varenna ทะเลสาบแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ตากอากาศของคนดังระดับโลก รวมถึงถูกใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดหลายเรื่องอีกด้วย
10. เทือกเขาโดโลไมต์ (Dolomites)
เทือกเขาโดโลไมต์คือสวรรค์ของคนรักธรรมชาติในอิตาลีตอนเหนือ ขึ้นชื่อเรื่องยอดเขาหินปูนรูปร่างแปลกตาและทิวทัศน์พาโนรามาที่สวยเกินบรรยาย เหมาะสำหรับกิจกรรมเดินป่า ปีนเขา ปั่นจักรยาน และเล่นสกีในฤดูหนาว อีกทั้งยังมีหมู่บ้านเล็ก ๆ สไตล์อัลไพน์ให้ได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวท้องถิ่นอย่างอบอุ่น เป็นจุดหมายในฝันสำหรับผู้ชอบการท่องเที่ยวแนวแอดเวนเจอร์และการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่บริสุทธิ์
11. หุบเขาวัลเดอร์เซีย (Val d’Orcia)
หุบเขาสุดโรแมนติกที่ขึ้นชื่อเรื่องทิวทัศน์เนินเขาลูกคลื่น ไร่องุ่น และบ้านหินโบราณในบรรยากาศชนบทอิตาลีแท้ ๆ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก เหมาะกับผู้รักธรรมชาติ การขับรถชมวิว และการถ่ายภาพกลางแสงแดดอ่อนของอิตาลียามเช้า
12. เมืองปอมเปอี (Archaeological Park of Pompeii)
หมู่บ้านริมหน้าผาที่โดดเด่นด้วยอาคารสีพาสเทลเรียงตัวลดหลั่นสู่ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โพซิตาโนเป็นจุดหมายยอดฮิตของคนรักวิวทะเล คาเฟ่ชิลล์ ๆ และถนนสายเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยร้านค้าท้องถิ่น บรรยากาศโรแมนติก เหมาะแก่การพักผ่อนหรือถ่ายภาพสวย ๆ ไม่ว่ามุมไหนก็ดูเหมือนโปสการ์ด
14. โบสถ์ซานตามาเรียเดลลากราซีเอ (Santa Maria delle Grazie)
โบสถ์เลื่องชื่อจากยุคเรอเนสซองส์ซึ่งเก็บรักษาผลงานระดับโลกอย่าง “The Last Supper” ของ Leonardo da Vinci ภาพวาดผนังที่มีอิทธิพลมากที่สุดภาพหนึ่งในประวัติศาสตร์ศิลปะโลก แม้ตัวโบสถ์จะดูเรียบง่าย แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความศักดิ์สิทธิ์และพลังของศิลปะ ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมของคนรักศิลปะที่ต้องจองล่วงหน้าเพื่อเข้าเยี่ยมชม
15. มหาวิหารมิลาน (Milan Cathedral / Duomo di Milano)
หนึ่งในสถาปัตยกรรมแบบกอธิคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มหาวิหารมิลาน ใช้เวลาสร้างนานกว่า 600 ปี ด้วยรายละเอียดอันวิจิตรของยอดแหลมที่มีมากกว่า 3,000 ต้น และประติมากรรมมากมายที่ประดับอยู่ทั่ววิหาร จุดไฮไลต์คือการขึ้นไปบนหลังคาวิหาร ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินชมวิวแบบ 360 องศาเหนือใจกลางเมืองมิลานอย่างอลังการ นอกจากนี้ วิหารยังเป็นศูนย์กลางของชีวิตผู้คนในเมืองและจัดงานทางศาสนาอย่างต่อเนื่อง เป็นหนึ่งใน ที่เที่ยวอิตาลี ที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ชื่นชอบสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ และการถ่ายภาพ