ดินแดนมรดกโลก ปราก (Prague) เมืองหลวงทรงเสน่ห์แห่งสาธารณะรัฐเช็ก

ดินแดนมรดกโลก  ปราก (Prague) เมืองหลวงทรงเสน่ห์แห่ง สาธารณะรัฐเช็ก  วันนี้เราจะพาไปผัสกับรรยากาศของเมืองมรดกโลกนี้กันค่ะ

สถาปัตยกรรมของปราสาทปรากนั้นมีการผสมผสานตามแต่ละยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป  2 ข้างทาง ก็มีน้ำวัลตาวา (Vtava) เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่หล่อเลี้ยงชาวเมืองมาแต่โบราณ ด้วยความสวยงาม และเงียบสงบ จึงทำให้ได้รับสมญานามว่าเป็นดินแดนของ “มงกุฎแห่งยุโรป (Crown of Europe)” ริมแม่น้ำวัลตาวาก็จะพบกับ สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge) ที่เชื่อมต่อระหว่างฝั่งออกและตะวันตกของกรุงปราก สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1357 เดิมใช้สำหรับราชวงศ์เท่านั้น แต่ปัจจุบันได้เปิดให้บุคคลทั่วไปได้ใช้ อีกทั้งยังเป็นแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวต้องมาเก็บภาพสวยๆ ของสะพานเก่าแก่ที่ตัดทอดแม่น้ำวัลตาวาโดยมีสถาปัตยกรรมโบราณเป็นแบคกราวด์อีกด้วย แถมสะพานนี้ยังมีชื่อเสียงมากที่สุดในกรุงปราก เป็นสะพานสุดโรแมนติก เราจะเห็นครอบครัว คู่รักเดินจับมือกันอยู่ที่สะพานชารฺลส์แห่งนี้อีกด้วยค่ะ

วันที่มาถึงที่ยุโรป 5 โมงกว่า ที่นี่ช่วงหน้าหนาว 5โมงก็เริ่มมืดแล้ว จึงทำให้เรามีเวลาอยู่ที่ปรากแค่แป๊ปเดียวจริงๆ และอีกอย่างเวลาเดินเที่ยวในตัวเมืองปรากก็เหลือนิดเดียว เพราะต้องเดินทางต่อไปยังเชสกี้คลุมลอฟ         แต่เราก้ยังทันดูหอนาฬิกาดราศาสตร์ (Astronomical Clock) ที่สวยงามและยังคงตีบอกเวลาทุกๆชั่วโมงอีกด้วยล่ะค่ะ  แถมวันนี้ผู้คนก็เยอะมากๆ บนสะพานที่ยืนอยู่ตรงนี้ ก็ยังมีพวกนักดนตรีอิสระ คอยมาร้องเพลง เล่นดนตรีให้เหล่านักท่องเที่ยวได้ตื่นตาตื่นใจกันอีกด้วย

ในระหว่างเดินข้ามสะพาน ก็จะมีจุดเด่นของสะพานนี้ก็คือรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญสไตล์บารอกที่ตั้งอยู่สองข้างสะพานราว 30 องค์เลยล่ะค่ะ

เดินมาเรื่อยๆ พี่ไกด์ก็บอกว่าที่นี่ยังมีรูปหล่อโลหะสัมฤทธิ์ที่เรามาถึงแล้วก็ต้องห้ามพลาดขอพร นั่นคือ รูปปั้นนักบุญจอห์น เนโปมุก John Nepomuk ซึ่งเป็นที่นับถือกันมากของคนที่นี่ เชื่อกันว่าหากใครได้ลูบสัมผัสแล้ว จะได้กลับมาที่ปรากอีกครั้งแล้วใครจะไม่ลูบล่ะ รอไม่ได้เลยนะคะ เพราะเรามีความหวังว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ฮ่าๆๆ

เราออกเดินทางต่อมายัง เชสกี้ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) ความใฝ่ฝันของเรากำลังเริ่มขึ้นแล้ว เราอึ้งทึ่งมากๆกับเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิกที่ยังคงอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี มีการสันนิษฐานว่าเมืองเชสกี้ ครุมลอฟนั้นมีความเป็นมาตั้งแต่สมัยยุคหินเก่า (Paleolithic) ก่อนจะมีผู้คนจากหลายเผ่าหลายชนชาติเข้ามาตั้งถิ่นฐานในแต่ละยุคสมัย ทว่าเมืองนี้กลับปรากฏบนหน้าประวัติศาสตร์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1253 ในชื่อ “Chrumbonowe” พร้อมกับการจัดสรรเมืองขึ้นใหม่อย่างรวดเร็วใน ณ เวลานั้น จนกระทั่งยุค ปฏิวัติกำมะหยี่ (Velvet Revolution) ในปี 1989 เชโกสโลวาเกียก็ได้เปลี่ยนระบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์มาเป็นระบบการเมืองเสรีแบบตะวันตกในฐานะ สาธารณะรัฐเช็ก ทำให้เมืองต่างๆ รวมถึงเชสกี้ ครุมลอฟสามารถพัฒนาขึ้นจนกลายมาเป็นเมืองท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ อีกทั้งยังได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO เมื่อปี พ.ศ. 1992 แหนะ  โอ้โห ! นี่มันปีเกิดเราเลยนะ บ่งบอกถึงอายุได้เล้ยยย ฮ่าฮ่า

สะพาน Cloak Bridge เป็นสะพานที่ถูกสร้างขึ้นในหลายๆ ช่วงตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 17 จนถึงกลางศตวรรษที่ 18 ถือเป็นจุดที่มองเห็นแม่น้ำวัลตาวาได้เต็มตาเลย ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องห้ามพลาดนะคะ และที่นี่ก็ยังมีพวกอาคารสีสันน่ารัก โทนอบอุ่น แถมบรรยากาศในนี้ก็ค่อนข้างเงียบ สงบ และปลอดภัยมากกว่าในเมืองอีกด้วยนะคะ

มาที่นี่ฝาท่อยังก็ยังต้องถ่ายเลย เพราะถูกตีเหล็กพิมพ์คำว่าCesky Krumlov ให้ฟีลถ่ายรูปได้อีกมุมเลยค่ะทุกคน เราก็ไม่ลืมที่จะถ่ายเก็บไว้อีกตามเคย ><

และเอกลักษณ์ของเมืองนี้คือ ถูกล้อมด้วยแม่น้ำวัลทาวา (Vltava) เสียงน้ำไหลผ่าน พร้อมอากาศเย็นๆ ดีสุดๆไปเลยค่ะ ยิ่งถ้าใครมาช่วงหน้าหนาว ก็จะเจอกับหิมะฟูๆ แทบทุกจุด ก็ให้บรรยากาศอบอุ่นอีกฟีลลิ่งนึงไปเลย  เรามาตอนนี้ ขอแค่แสงแดดส่องตัวมาบ้างก็พอแล้วค๊าาาา

ก่อนทางขึ้นไปชมตัวปราสาท ก้ยังมีพวก ร้านอาหาร คาเฟ่ ให้เราได้แวะตลอดทางเลยล่ะค่ะ

ระหว่างทางเราก็เจอเจ้าหมี ที่เค้าเลี้ยงไว้อยู่ในบ่อของที่นี่ด้วย ทุกคนตื่นตาตื่นใจกับเจ้าก้อนนี่กันใหญ่ แต่ไม่ต้องกลัวไปนะคะ เพราะน้องก็ดูน่ารักไม่ได้โหดร้ายอะไร 5555 แถมที่นีก็ยังมีกรงเหล็กที่แน่นหนาด้วยค่ะ

ตรงนี้เป็นส่วนพระราชวังหลัก มีลานตรงกลาง 2 แห่ง เชื่อมต่อกันด้วยอาคารที่ตกแต่งอย่างสวยงามมุมแต่ละมุมในตัวอาคารก็จะถูกปรับแต่ง ทาสีโดยทุกมุมก็จะมีเรื่องราวแตกต่างกันออกไปตามยศฐาบรรดาศักดิ์ของเชื้อราชวงศ์ ที่เริ่มตั้งแต่ระดับเจ้าเมือง ขุนนาง ไล่ระดับกันลงมา

บนถนนสายนี้ ก้ยังมีร้านค้า ร้านขายของที่ระลุกให้ช้อปปิ้งอีกตามเคย ถนนก็สะอาดมากๆ แต่ต้องเดินระวังหน่อยนะคะ เพราะตัวพื้นเนี่ยเป็นพวกหินมีช่องๆวางต่อๆกัน อาจทำให้สะดุดลื่นได้ค่ะ

อีกแห่งในเมืองเชสกี้ ครุมลอฟ ก็คือโบสถ์ Church of St. Još ที่มีปลายหอคอยเป็นยอดสีเขียว ที่อยู่ตรงทางขึ้นลงของปราสาทครุมลอฟ เราสามารถเห็นได้จากทั่วทุกมุมของเมืองนี้เลยค่ะ  เดินมาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้เราเห็นทิวทัศน์ของเมืองเชสกี้ ครุมลอฟที่รายล้อมไปด้วยแม่น้ำ Vltava ได้แบบ 360 องศา จะบอกว่าขึ้นมาถึงจุดนี้หอบ แฮ๊คๆ เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน แต่พอเจอวิวเท่านั้นแหละทุกคน หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

ข้างบนนี้เราก็จะเห็นปราสาทครุมลอฟ (Crumlov Castle) ปราสาทเก่าแก่อายุกว่า 700 ปี โดดเด่นด้วยหอหอยปราสาทสีชมพู สวยงามมากๆ เราเดินขึ้นไปชมวิวสวยๆบน สะพาน Cloak Bridge ที่เชื่อมระหว่างพระราชวังและตัวปราสาทเอาไว้ด้วยกัน วิวก็คือสวยสุดๆไปเลย

มุมนี้ก็ถือว่าเป็นมุมมหาชนนะคะ จากตัวอาคารข้างบน มองลอดจากช่องของตัวกำแพง ทำให้เราเห็นวิวเมืองแบบพาโนราม่า สวยสุดลูกหูลูกตา เป็นภาพที่ลืมไม่ได้เลยจริงๆ

ปรากและเชสกี้คลุมลอฟ ก็ถือว่าเป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุดในสาธารณรัฐเช็กก็ว่าได้ค่ะ หากใครที่มีครอบครัว มีแฟน กำลังวางแผนไปเที่ยว แนะนำต้องห้ามพลาดที่จะมาที่นี่นะคะ ยิ่งแม่น้ำวัลตาวาก็ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องห้ามพลาดนะคะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก

สรุป

ใครที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวเชสกี้ ครุมลอฟในช่วงปลายปี ยิ่งถ้าตรงกับช่วง คริสต์มาสล่ะก็ ท่านก็จะได้พบกับตลาดคริสต์มาสแถมยังมีการตกแต่งเมืองด้วยไฟประดับกุ๊กกิ๊กน่ารักๆ อย่างกะในหนังฝรั่งเลย และคงจะครึกครื้นและมีสีสันมากกว่าช่วงที่เรามาอีกเยอะเลยล่ะค่ะ เอาเป็นว่าใครสะดวกช่วงไหน ก็มาเที่ยวช่วงนั้น เพราะแต่ละฤดูกาลบอกเลยว่าคุณจะประทับใจไม่ลืมแน่นอนค่ะ
ใครสนใจตามเรามาเที่ยว ก็อย่าลืมสอบถามทางทราเวลซี้ดนะคะ ทัวร์ยุโรป ราคาดีๆพร้อมคอนเฟิร์มเดินทาง ก็มีให้ท่านได้เลือกสรรอีกเยอะแยะเลยค่ะ เราพร้อมไปกับคุณในทุกทริปไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน

Facebook Comments
Scroll to Top