15 สถานที่ท่องเที่ยวยุโรป ที่ต้องไปเห็นกับตา เที่ยวได้ทุกฤดู (2565)

นักเดินทางหลายคนที่สนใจจะไปเที่ยวยุโรปสักครั้งในชีวิต มักลังเลว่าควรไปเที่ยวช่วงไหนดี ไม่ว่าช่วงเดือนไหน สถานที่ท่องเที่ยวยุโรปก็ล้วนมีเสน่ห์อันน่าหลงใหลในตัวเองทั้งนั้น

ฤดูกาลในยุโรปแบ่งออกได้เป็น 4 ฤดู ได้แก่

  • ฤดูหนาว (ต้นเดือนธันวาคม – ต้นเดือนมีนาคม) เป็นช่วง Low season ของยุโรป จึงทำให้คนไม่แออัด มีสินค้า SALE มากมายตามเมืองใหญ่ๆ เที่ยวตลาดคริสต์มาสตามจัตุรัสกลางเมืองต่างๆ ชมการประดับประดาไฟกับเทศกาลเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ของชาวคริสต์
  • ฤดูใบไม้ผลิ (ปลายเดือนมีนาคม – กลางเดือนกรกฎาคม) เป็นช่วงฤดูที่ดอกไม้บานสะพรั่ง แสงแดดอบอุ่น อากาศไม่เย็นจัด แต่ยังมีหิมะปกคลุมอยู่บ้าง ผู้คนเริ่มคึกคัก มีสวนดอกไม้ต่างๆ เปิดให้เข้าชม  
  • ฤดูร้อน (กลางเดือนกรกฎาคม – กลางเดือนกันยายน) มีช่วงกลางวันที่ยาวนานกว่าปกติ ผู้คนคึกคัก ท้องฟ้าสดใส แดดจ้า บางเมืองอาจจะร้อนมาก เป็นช่วงเวลาที่ลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ประจำปี 
  • ฤดูใบไม้ร่วง (ปลายเดือนกันยายน – ปลายเดือนพฤศจิกายน) เป็นช่วงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยเฉพาะไวน์ ทำให้มีเทศกาลไวน์มากมาย บรรยากาศเริ่มเย็น บวกกับทัศนียภาพที่ใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดง เพิ่มความโรแมนติก

การท่องเที่ยวยุโรปในแต่ละช่วงฤดู ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป สามารถเที่ยวได้ทุกช่วง season วันนี้จะมาแนะนำ 15 สถานที่ท่องเที่ยวยุโรป มีเสน่ห์และน่าดึงดูดในทุกช่วงฤดู ว่าจะมีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง น่าจะช่วยหลายคนตัดสินใจว่าจะไปประเทศไหนได้ดี

15 สถานที่ท่องเที่ยวยุโรป ที่ต้องไปเห็นกับตาให้ได้สักครั้งหนึ่ง

หมู่บ้านชิแวร์นี่ (ฝรั่งเศส) 

หมู่บ้านสุดอาร์ตที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปารีส สถานที่ซึ่งจิตรกรประเภทอิมเพรสชั่นนิมส์ “โกลด มอแน” เคยอาศัยอยู่จนกระทั่งเสียชีวิต ไฮไลท์หลักของที่นี่คือพิพิธภัณฑ์บ้านโมเน่ บ้านของจิตรกรชื่อดังคนนั้นที่สร้างสรรค์งานชื่อดังออกมาหลากหลายภาพตลอดการใช้ชีวิตที่นี่ของเขา และพิพิธภัณฑ์อิมเพรสชั่นนิมส์ ที่ซึ่งมีการจัดแสดงผลงานศิลปะแนวอิมเพรสชั่นนิมส์จากศิลปินชื่อดังวนเวียนเรื่อยๆมาอย่างไม่ซ้ำกันโดยตลอด

ปราสาทนอยชวานชไตน์ (เยอรมนี)

ปราสาทหลังนี้ตั้งอยู่ในเมืองฟุสเซนในประเทศเยอรมนี ซึ่งตั้งใกล้กับเมืองมิวนิก “เมืองแห่งเบียร์” ของชาวเยอรมนี ที่นี่เป็นปราสาทที่ถูกดิสนี่ย์นำไปเป็นต้นแบบของปราสาทเทพนิยายในสวนสนุกต่างๆของพวกเขา ซึ่งเป็นที่นิยมของคนที่ไปทัวร์เยอรมนี และนอกจากนั้น…สถานที่แห่งนี้ยังเป็นตำนานรักสีม่วงของพระเจ้าลุดวิกที่ 2 ที่ทุ่มทุนสร้างปราสาทหลังนี้ขึ้นมาตามบทประพันธ์โอเปร่าของวากเนอร์ที่เขาหลงรัก

ปราสาทนอยชวานชไตน์

ปราสาทนอยชวานชไตน์

ถ้ำเดเวทาชกา (บัลแกเรีย)

ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศบัลแกเรีย และยุโรป ที่ใครที่ไปทัวร์บัลแกเรียนั้นจะพลาดไม่ได้ โดยตัวถ้ำอยู่ห่างจากจังหวัดโลเวชไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 18 กิโลเมตร ด้วยสภาพแวดล้อมของตัวถ้ำที่เอื้อให้กับการดำรงชีพของสิ่งมีชีวิต จึงไม่แปลกที่จะเป็นพบร่องรอยของการเป็นที่พำนักอาศัยของมนุษย์ในสมัยเมื่อ 70,000 ปีก่อน รวมถึงยังเป็นที่อยู่ของสัตว์อีกหลากหลายชนิด

แหลมโรก้า (โปรตุเกส)

จุดตะวันตกสุดของโปรตุเกส รวมถึงทวีปยุโรป เป็นแหลมที่ตั้งอยู่ปลายสุดของภูเขาซินตรา ซึ่งเป็นจุดชมวิวทางทะเลยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งในโปรตุเกส ด้วยวิวของมหาสมุทรแอตแลนติกสุดกว้างไกล และลมทะเลที่พัดเข้ามากระทบฝั่ง ทำให้มีนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์โปรตุเกสแวะมาที่นี่อย่างไม่เคยขาด รวมถึงยังเป็นที่ตั้งของประภาคารเก่าแก่ที่เปิดให้ใช้งานมากว่า 200 ปี 

แหลมโรก้า

แหลมโรก้า

บ้านคิวบิกเฮ้าส์ (เนเธอร์แลนด์)

บ้านทรงลูกบาศก์สีเหลืองสุดแปลกตาจากฝีมือของสถาปนิกชาวดัตช์ที่มาทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยในย่านฝั่งท่าเรือเก่าของเมืองรอตเทอร์ดาม พร้อมรูปทรงของบ้านที่โดดเด่น และสีสันที่สดใส รวมถึงยังใช้งานได้จริงด้วยพื้นที่ขนาด 100 ตารางเมตร จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ยอดฮิตในการถ่ายรูปของเหล่านักท่องเที่ยวที่มาทัวร์เนเธอร์แลนด์ในเมืองเมืองรอตเทอร์ดาม 

พิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ บิลเบา (สเปน)

สถาปัตยกรรมสมัยใหม่แห่งเมืองบิลเบา ซึ่งเป็นหนึ่งในอาคารที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของสเปน ที่นี่เป็นยิ่งกว่าพิพิธภัณฑ์ท่องเที่ยวสำหรับเมืองแห่งนี้ มันมีบทบาทสำคัญในการช่วยยกระดับเมืองให้พ้นจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหลังยุคอุตสาหกรรม ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาด้วยกระเบื้องไททาเนียมเป็นหลัก ใครที่มาทัวร์สเปน ควรแวะไปชมให้เห็นกับตาดูสักครั้ง

ธารน้ำแข็งอเลิท์ซ กลาเซียร์ (สวิตเซอร์แลนด์)

ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในเทือกเขาแอลป์ มีความยาวกว่า 23 กิโลเมตร และเคลื่อนที่ได้เร็วประมาณ 200 กิโลเมตรต่อปี เรียกได้ว่ายาวสุดลูกหูลูกตา แถมเคลื่อนตัวโดยที่ตัวเรานั้นสังเกตุแทบไม่ได้เลย รวมถึงที่นี่ยังเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งสวิตเซอร์แลนด์ แถมมีกิจกรรมล่องแก่งบนธารน้ำแข็งนี้ด้วยนะ

โบสถ์แมทเธียส (ฮังการี)

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่ไม่ควรพลาดหากคุณนั้นมาทัวร์ฮังการี นี่คือโบสถ์ซึ่งได้รับการขนานนามว่า “Church of Our Lady” ที่อยู่มานานกว่า 700 ปี และด้วยการผสมผสานกันของศิลปะหลากชนิด รวมถึงหลังคาสลับสีอันเป็นเอกลักษณ์ จึงทำให้โบสถ์แห่งนี้นั้นยังไม่เคยขาดนักท่องเที่ยวเลยแม้แต่น้อย

โบสถ์แมทเธียส

โบสถ์แมทเธียส

กรุงเอเธนส์ (กรีซ)

เมืองหลวงของประเทศกรีซ ที่ในอดีตนั้นเป็นต้นกำเนิดแห่งวิทยาการต่างๆ ศูนย์รวมแห่งการเรียนรู้ ศิลปะ และปรัชญา จนถูกนำไปเปรียบเปรยว่าเป็นเมืองที่เป็นต้นกำเนิดแห่งอารยธรรมตะวันตก รวมไปถึงยังเป็นจุดเริ่มต้นของกีฬาโอลิมปิคในปัจจุบัน ซึ่งหากใครมาทัวร์กรีซแล้วล่ะก็ ไม่ควรพลาดไปชมความยิ่งใหญ่ในอดีต ณ เมืองแห่งนี้เชียวล่ะ 

จัตุรัสสเตฟาน (ออสเตรีย)

จัตุรัสซึ่งตั้งอยู่ ณ จุดศูนย์กลางของกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ที่นี่เป็นจัตุรัสที่ถูกตั้งชื่อตามมหาวิหารสเตฟาน ที่เป็นไอคอนนิคหลักของย่านแห่งนี้ โดยจัตุรัสนี้นั้น นอกจากมหาวิหารสเตฟานแล้ว ก็ยังมีฮาสเฮาส์ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกชาวออสเตรีย ที่แม้ตอนแรกจะเป็นข้อถกเถียงกันเรื่องของความลงตัวจากการที่มันตั้งอยู่ตรงข้ามกับมหาวิหาร แต่ความเก่าและใหม่ของพวกมันก็กลับลงตัวกันเสียนี่ ใครมาทัวร์ออสเตรียล่ะก็ ลองไปดูสักครั้งก็ดีนะ

จัตุรัสสเตฟาน

จัตุรัสสเตฟาน

ศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ (เบลเยี่ยม)

ศาลาว่าการแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่บริเวณจัตุรัสกรองด์ ปลาซ ใจกลางเมืองหลวงของเบลเยี่ยม โดยเป็นศาลาว่าการที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมันศตวรรษที่ 15 และยังคงใช้งานมาอยู่จนถึงปัจจุบัน ด้วยดีไซน์ที่เกิดจากการผสมผสานสไตล์กอทิก กับบารอก แถมยังมีการขยายต่อเติมเพิ่มในสมัยศตวรรษที่18 ที่นี่จึงเป็นอีกสถานที่นึงที่ยอดฮิตสำหรับคนที่มาทัวร์เบลเยี่ยม

จัตุรัสซิตี้ฮอลล์ (เดนมาร์ก)

หรือจัตุรัส “Radhusplasden” ในภาษาเดนิช ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองโคเปนเฮเกนซึ่งคึกคักเสมอไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคนที่ไปทัวร์เดนมาร์ก และยังเป็นสถานที่นัดพบยอดนิยม รวมถึงยังเป็นจุดเริ่มต้นในการเที่ยวชมเมืองโคเปนเฮเกนที่สะดวกที่สุดด้วยนั่นเอง

สโตนเฮนจ์ (อังกฤษ)

กลุ่มก้อนหินสุดลึกลับ ที่ตั้งตะหง่านอยู่กลางทุ่งราบซัลลิสเบอร์รี่ บริเวณตอนใต้ของอังกฤษ พวกมันคือกลุ่มก้อนหินจำนวน 112 ก้อนที่ตั้งเรียงซ้อนกันเป็นวงกลม 3 วง และยังมีอายุมากกว่า 5,000 ปี แต่จากการคำนวนของนักวิทยาศาสตร์แล้ว ก็พบว่ามีการก่อสร้างต่อกันมาเรื่อย ห่างกันประมาณ 1,500 ปี แต่ก็ยังไม่สามารถค้นหาจุดประสงค์ในการสร้างพวกมันขึ้นมาได้จนถึงปัจจุบัน ใครอยากชมสุดยอดความมหัศจรรย์ทางธรรมชาตินี้ รีบจองทัวร์อังกฤษได้เลย

ปราสาทบราน (โรมาเนีย)

หรือที่มีชื่อเล่นติดปากกันว่าปราสาทแดร็กคิวล่า สถานที่แห่งนี้คือที่พำนักของเจ้าชายโรมาเนีย วลาด เซเปช เจ้าของฉายา “วลาดที่ 3 จอมเสียบ” ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของตำนานเค้าท์แดร็กคิวล่าจากปลายปากกานักเขียนชาวไอริช จอมแวมไพร์ผู้โด่งดังไปทั่วโลกในงานศิลป์ต่างๆ ซึ่งใครต่อใครก็ตามที่มาทัวร์โรมาเนียนั้น ต้องไม่พลาดที่จะไปเยือนดูสักครั้งกับจุดเริ่มต้นแห่งตำนานความน่ากลัวนี้

ปราสาทบราน

ปราสาทบราน

เมืองเชสกี้ ครุมลอฟ (เช็ก)

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับสายถ่ายรูปของคนที่มาทัวร์เช็ก ด้วยหลังคาสีส้มแดงที่ถูกปูเอาไว้บนอาคารทั่วทุกแห่งภายในเมือง และยังมีปราสาทเชสกี้ ครุมลอฟ ปราสาทอันดับสองของประเทศ ที่อยู่มาตั้งแต่ในสมัยศตวรรษที่ 13 ที่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนของเมืองก็จะเห็นตัวปราสาทที่ตั้งอยู่บนเขาได้อย่างชัดเจน รวมถึงสภาพภายในเมืองที่มีตรอกซอยที่เชื่อมต่อกันมากมาย ทำให้สามารถเดินเล่นไปได้ทั่วทั้งเมือง แถมยังเก็บภาพบรรยากาศโรแมนติกของเมืองได้อย่างจุใจ 

สรุป

การเลือกช่วงเวลาในการมาทัวร์ยุโรป เป็นเรื่องที่เราควรทราบ โดยแต่ละฤดูมีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างกันไป ส่วนใหญ่พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และปราสาทบางแห่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในช่วง High season เท่านั้น ส่วนช่วง Low season ก็จะได้ราคาห้องพักที่ถูกลง สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งอาจจะปิดทำการ ช่วงเวลากลางวันจะสั้นกว่าปกติ มีหิมะปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง 

หากยังลังเลในการเลือกช่วงเวลามาทัวร์ยุโรป TravelZeed พร้อมให้คำปรึกษา ไม่ว่าจะฤดูไหนก็จัดให้คุณได้ตามความต้องการ ทั้งสายช็อป ชิม ชิล ดื่มด่ำบรรยากาศกับธรรมชาติอย่างสุดเหวี่ยง มีทั้งทัวร์ออสเตรีย ทัวร์เชก ทัวร์เยอรมนี ทัวร์เบลเยี่ยม ทัวร์เนเธอร์แลนด์ ทัวร์ฮังการี ทัวร์บัลแกเรีย ทัวร์โรมาเนีย ทัวร์สเปน ทัวร์โปรตุเกส ทัวร์กรีซ ชมรายการทัวร์ยุโรปได้ที่ TravelZeed 

Facebook Comments
บอกต่อเพื่อนๆ :