วันนี้ทราเวลซี้ดจะขอชวนคุณมาออกเดินทางสู่ ชิงเต่า (Qingdao) เมืองชายทะเลสุดชิคแห่งมณฑลซานตง ประเทศจีน ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมยุโรปผสมผสานกับความงามแบบตะวันออกอย่างลงตัว จะบอกว่าเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องเบียร์ระดับโลกเลยนะ นอกจากนี้ยังมีวิวทะเลสวยสะกดใจ และสถาปัตยกรรมเก่าที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ไว้อย่างมีเสน่ห์มาก ๆ อีกด้วย สำหรับใครที่กำลังมองหา ที่เที่ยวชิงเต่า หรืออยากจอง ทัวร์ชิงเต่า สำหรับทริปต่อไป อย่าเลื่อนผ่านบทความนี้นะ ว่าแต่ที่เที่ยวชิงเต่าจะมีที่ไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเล๊ยยยย!!!
เมืองชิงเต่าอยู่ที่ไหน? มาทำความรู้จักกัน
เมืองชิงเต่า ตั้งอยู่ริมทะเลเหลือง ทางตะวันออกของมณฑลซานตง (Shandong Province) ประเทศจีน ในอดีตเมืองนี้เคยอยู่ภายใต้การปกครองของเยอรมนี ในช่วงศตวรรษที่ 20 จึงทำให้มีอาคารสไตล์ยุโรปเรียงรายอยู่ทั่วเมือง ผสมผสานกับธรรมชาติที่สวยงามมาก ๆ ทั้งภูเขา ทะเล และสวนสาธารณะ จนได้รับฉายาว่า “เมืองสวิสแห่งตะวันออก” เลยนะ นอกจากนี้ เมืองชิงเต่ายังเป็นเมืองท่าที่สำคัญ และยังเป็นบ้านเกิดของ เบียร์ชิงเต่า (Tsingtao) ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอีกด้วยนะ ทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมที่สุดของจีน และกำลังเป็นกระแสในปีนี้อีกด้วย
16 ที่เที่ยวชิงเต่า ห้ามพลาด แห่งมณฑลซานตง
1. พิพิธภัณฑ์เบียร์ชิงเต่า (Tsingtao Beer Museum)
หนึ่งในแลนด์มาร์คที่ห้ามพลาดเด็ดขาด เมื่อมาชิงเต่า เพราะที่นี่คือ บ้านเกิดของเบียร์ Tsingtao แบรนด์เบียร์ดังระดับโลกที่มีต้นกำเนิดยาวนานกว่า 100 ปี ภายในมีการบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่ยุคที่เยอรมันเข้ามาสร้างโรงเบียร์ในปี ค.ศ. 1903 มีการจัดแสดงเครื่องจักรเก่า ขวดเบียร์ยุคแรก ๆ โปสเตอร์วินเทจ และบอกเล่าเรื่องราวการพัฒนาอุตสาหกรรมเบียร์ของเมืองอย่างละเอียด พร้อมบรรยากาศที่ผสมกลิ่นอายแบบยุโรป ไฮไลท์คือ โซนโรงงานจำลองที่เปิดให้ชมกระบวนการหมักเบียร์แบบสด ๆ ตั้งแต่คัดเลือกวัตถุดิบจนถึงการบรรจุขวด และที่พลาดไม่ได้เลยคือ “โซนชิมเบียร์สดจากถังต้นตำรับ” บอกเลยว่าสายดื่มต้องถูกใจแน่นอน
- พิกัด: No.56 Dengzhou Road, Shibei District, Qingdao
- ค่าเข้าชม: ประมาณ 60 หยวน
- เวลาเปิด-ปิด: 08.30 – 16.30 น.
- การเดินทาง: จากจัตุรัส 54 นั่งรถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี Taidong แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
2. หาดหมายเลข 1 (No.1 Bathing Beach)
หรือที่คนจีนรู้จักกันในชื่อ ชายหาดดีอี้หยูฉาง (Diyi Yuchang Beach) เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองชิงเต่า มีความยาวกว่า 580 เมตร และกว้างถึง 40 เมตร เหมาะกับการพักผ่อน เล่นน้ำ หรือเดินเล่นชมวิวทะเล โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่อุณหภูมิอบอุ่นกำลังดี นักท่องเที่ยวมักมานอนอาบแดด เล่นวอลเลย์บอลชายหาด และนอกจากนี้ยังมีจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยมาก ๆ ด้วยนะ ส่วนบริเวณรอบ ๆ ยังมีคาเฟ่ ร้านอาหารทะเล และทางเดินริมทะเลที่ร่มรื่น เหมาะสำหรับการพักผ่อนในบรรยากาศแบบเมืองชายฝั่งยุโรป พร้อมสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นของชาวชิงเต่าได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
- พิกัด: เขต Shinan District, Qingdao, Shandong Province
- ค่าเข้าชม: ฟรี
- เวลาเปิด-ปิด: เปิดตลอดวัน (ช่วงเดือนพฤษภาคม–กันยายนเหมาะที่สุด)
- การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี Huiquan Square เดินต่อประมาณ 10 นาที
3. จุดชมวิวเสี่ยวอี๋ซาน (Xiaoyushan Park)
จุดชมวิวเสี่ยวอี๋ซาน (Xiaoyushan Park) สวนสาธารณะขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนเนินเขาใจกลางเมือง ซึ่งถือว่าเป็น จุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของชายฝั่งซานตง เดิมเป็นเนินเขาเตี้ย ๆ ริมทะเล และมีการพัฒนาให้เป็นสวนสาธารณะ มีศาลาสไตล์จีนชื่อ “Langyue Pavilion” มีลักษณะเป็นหอคอยทรงแปดเหลี่ยม 3 ชั้นบนยอดเขา ตั้งอยู่บนยอดเนิน เป็นจุดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่มีมุมมองภาพพาโนรามา 360 องศาของเมืองชิงเต่า สามารถเห็นได้ทั้งอ่าวฮุ่ยฉวน (Huiquan Bay), ท่าเรือจ้านเฉียว (Zhanqiao Pier), โบสถ์เซนต์ไมเคิล และบ้านเรือนสไตล์ยุโรปสีส้มแดงที่เรียงรายเต็มเมือง บอกเลยว่าบรรยากาศโคตรจะเหมือนเมืองชายทะเลในยุโรปเลย
- พิกัด: No.24 Fushan 1st Road, Shinan District, Qingdao
- ค่าเข้าชม: ประมาณ 10 หยวน
- เวลาเปิด-ปิด: 07.00 – 19.00 น.
- การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี Huiquan Square แล้วเดินขึ้นเขาประมาณ 10 นาที
4. พระราชวังไท่ชิง (Taiqing Palace)
พระราชวังไท่ชิง (Taiqing Palace) เป็นศูนย์กลางของลัทธิเต๋าในแถบชายฝั่งตะวันออกของจีนที่มีอายุกว่า 2,000 ปี ตั้งอยู่เชิงภูเขาเหลาซาน (Laoshan Mountain) ถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่ผสมผสานศิลปะแบบราชวงศ์ถังและซ่ง มีการจัดวางอาคารในแนวแกนเหนือ–ใต้ตามหลักฮวงจุ้ย ภายในประกอบด้วยวิหารหลักหลายหลัง เช่น วิหารไท่ชิงเป่าเตี้ยน (Taiqing Baodian), วิหารซานชิงเตี้ยน (Sanqing Hall) และสวนบ่อมังกร (Dragon Pond Garden) และไฮไลท์ที่น่าสนใจและพลาดไม่ได้เลยคือ น้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ของวัดไท่ชิง ซึ่งชาวจีนเชื่อกันว่ามีสรรพคุณช่วยเสริมสิริมงคลและสุขภาพดี ใครได้ดื่มถือเป็นการเริ่มต้นทริปแห่งความโชคดีตามความเชื่อดั้งเดิมของลัทธิเต๋า
- พิกัด: Laoshan District, Qingdao, Shandong Province
- ค่าเข้าชม: ประมาณ 30 หยวน
- เวลาเปิด-ปิด: 08.00 – 17.00 น.
- การเดินทาง: จากใจกลางเมืองชิงเต่า ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีโดยรถยนต์หรือรถบัสสาย Laoshan Tourist Line
5. ภูเขาเหลาซาน (Laoshan Mountain)
หนึ่งในที่เที่ยวชิงเต่าที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ ภูเขาเหลาซาน (Laoshan Mountain) ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งชิงเต่า” และเป็นหนึ่งในจุดชมวิวธรรมชาติที่สวยที่สุดของมณฑลซานตง ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองชิงเต่า เป็นเทือกเขาที่สูงที่สุดริมชายฝั่งทะเลจีนตะวันออก โดยมีความสูงกว่า 1,132 เมตรจากระดับน้ำทะเล นอกจากนี้ ภูเขาเหลาซานยังเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมลัทธิเต๋าที่สำคัญ มีวัด ศาลเจ้า และตำนานมากมาย เช่น เรื่องเล่าว่า “เทพเจ้ามาเยือนเพื่อชงน้ำอมฤต” ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนจีนมักมาอธิษฐานขอพรกันมากมาย
- พิกัด: Laoshan District, Qingdao, Shandong Province
- ค่าเข้าชม: ประมาณ 80–100 หยวน (ขึ้นอยู่กับโซน)
- เวลาเปิด-ปิด: 07.00 – 17.00 น.
- การเดินทาง: จากใจกลางเมืองชิงเต่า ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถยนต์หรือรถบัสสายท่องเที่ยว Laoshan
6. ถนนพีฉายย่วน (PiChai Yuan)
ถนนพีฉายย่วน (PiChai Yuan) ย่านสตรีทฟู้ดและแหล่งรวมร้านอาหารชื่อดังในเมืองชิงเต่า ตั้งอยู่ใจกลางเขตเมืองเก่าซื่อหนาน (Shinan) มีลักษณะเป็นตรอกแคบ ๆ ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารพื้นเมืองมากมาย กลิ่นหอมของอาหารทะเลสด ๆ และเสียงผู้คนที่คึกคักตลอดทั้งวัน สำหรับเมนูที่ควรลองคือ หอยแมลงภู่ผัดซีอิ๊ว, ปลาหมึกเสียบไม้ปิ้ง, ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วแดง บอกเลยว่าสายกินเลยห้ามพลาดเด็ดขาด
- พิกัด: เขต Shinan District, Qingdao, Shandong Province
- ค่าเข้าชม: ฟรี
- เวลาเปิด-ปิด: ร้านส่วนใหญ่เปิด 10.00 – 22.00 น. (ช่วงเย็นถึงค่ำจะคึกคักที่สุด)
การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี Zhongshan Road แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที
7. โบสถ์เซนต์ไมเคิล (Qingdao Catholic Church)
โบสถ์เซนต์ไมเคิล (Qingdao Catholic Church) ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาและสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์และการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมยุโรปและจีนได้อย่างลงตัวสุด ๆ โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1934 โดยมิชชันนารีชาวเยอรมันในยุคที่ชิงเต่าอยู่ภายใต้การปกครองของเยอรมนี ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิก-โรมัน (Gothic-Romanesque) โดดเด่นด้วยหอคอยแฝดสูงกว่า 50 เมตร และยอดหลังคาสีส้มแดง ภายในจะเป็นห้องโถงใหญ่ที่ตกแต่งด้วยกระจกสีสเตนกลาส (Stained Glass) บริเวณรอบโบสถ์ยังเต็มไปด้วยบ้านสไตล์ยุโรป ร้านกาแฟเล็ก ๆ และถนนที่ปูด้วยอิฐที่ให้กลิ่นอายเมืองเก่ายุโรปมาก ๆ ใครที่ชอบถ่ายภาพแนวสตรีทหรือพรีเวดดิ้ง ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นโลเคชันยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของชิงเต่าเลย
- พิกัด: Zhejiang Road, Shinan District, Qingdao, Shandong Province
- ค่าเข้าชม: ฟรี (อาจมีค่าเข้าชมบางโซนประมาณ 10 หยวน)
- เวลาเปิด-ปิด: 09.00 – 17.00 น.
- การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี Zhongshan Road แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
8. จัตุรัส 54 (May Fourth Square)
ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศสุดชิลแบบเมืองชายทะเลยุโรป ต้องไม่พลาดที่เที่ยวชิงเต่า อย่างจัตุรัส 54 (May Fourth Square / Wusi Guangchang) ตั้งอยู่ริมอ่าวฟูซาน (Fushan Bay) สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึง ขบวนการ 4 พฤษภาคม ซึ่งมีเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์จีนในปี ค.ศ. 1919 เพื่อระลึกถึงการต่อสู้ของนักศึกษาจีนที่เรียกร้องอิสรภาพ จุดเด่นที่สุดของจัตุรัสนี้คือประติมากรรมสีแดงขนาดใหญ่ชื่อว่า ลมแห่งเดือนพฤษภาคม (May Wind) ที่มีรูปทรงเกลียวหมุนคล้ายเปลวไฟ สื่อถึงพลังแห่งเยาวชนและความหวังของประเทศ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองชิงเต่าที่โดดเด่นทั้งกลางวันและกลางคืน
- พิกัด: Fushan Bay, Shinan District, Qingdao, Shandong Province
- ค่าเข้าชม: ฟรี
- เวลาเปิด-ปิด: เปิดตลอดวัน (สวยที่สุดช่วงเย็น – กลางคืน)
- การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี May Fourth Square (五四广场站) ทางออก C
9. ถนนคนเดินไท่ตง (Taidong San Lu)
ถนนคนเดินไท่ตง (Taidong San Lu) ตั้งอยู่ในเขต Shibei ของชิงเต่า ถือเป็นแหล่งรวมความบันเทิงและการช้อปปิ้งขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองชิงเต่า เต็มไปด้วยร้านแบรนด์ดังระดับโลก เช่น Uniqlo, Nike, Adidas ไปจนถึงร้านเครื่องสำอางเกาหลี รวมไปถึงร้านค้าท้องถิ่น และตลาดกลางคืนที่คึกคักตลอดทั้งปี เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกวัย โดยเฉพาะสายกินและสายช้อปที่อยากสัมผัสบรรยากาศท้องถิ่นแบบของแท้
- พิกัด: Shibei District, Qingdao, Shandong Province
- ค่าเข้าชม: ฟรี
- เวลาเปิด-ปิด: 10.00 – 22.00 น. (ตลาดกลางคืนเริ่มประมาณ 17.00 น.)
- การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี Taidong หรือ Guangrao Road
10. ท่าเรือจ้านเฉียว (Zhanqiao Pier)
ท่าเรือจ้านเฉียว (Zhanqiao Pier) หรือสะพานจ้านเจี้ยวเป็นสัญลักษณ์ที่อยู่คู่เมืองนี้มากว่า 100 ปี มีสะพานไม้เก่าแก่ที่ทอดยาวออกไปในทะเลเหลือง ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1891 ถือว่าเป็นท่าเรือแรกของชิงเต่าที่ใช้ติดต่อค้าขายกับต่างประเทศในยุคโบราณ สะพานจ้านเฉียวมีความยาวประมาณ 440 เมตร และกว้าง 10 เมตร ปลายสุดของสะพานจะมีศาลาทรงแปดเหลี่ยมที่ชื่อว่า ฮุยหลาน (Huilan Pavilion) ซึ่งปัจจุบันเป็นจุดชมวิวทะเลยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของเมือง สามารถเดินเล่นรับลมทะเล ถ่ายรูปกับวิวอ่าวฮุ่ยฉวน (Huiquan Bay) และชมเรือประมงที่แล่นเข้า-ออกท่าได้ตลอดทั้งวันเลย นอกจากนี้บริเวณรอบท่าเรือยังมีร้านขายของที่ระลึก คาเฟ่ และพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กอีกด้วยนะ
- พิกัด: Shinan District, Qingdao, Shandong Province
- ค่าเข้าชม: ฟรี
- เวลาเปิด-ปิด: เปิดตลอดวัน (สวยที่สุดช่วงเช้าและพระอาทิตย์ตก)
- การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี Qingdao Railway Station แล้วเดินต่อประมาณ 5–10 นาที
11. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขั้วโลก (Qingdao Underwater World)
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขั้วโลก (Qingdao Underwater World) หนึ่งในที่เที่ยวชิงเต่ายอดนิยมของครอบครัวและนักท่องเที่ยวทุกวัย เป็นสวนสัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้ชายหาดหมายเลข 1 (No.1 Bathing Beach) และสวนสาธารณะลู่ซวิ่น (Lu Xun Park) ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่รวมความรู้ ความสนุก และธรรมชาติไว้ในที่เดียวกัน เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1932 ถือเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่เก่าแก่ที่สุดของจีน ภายในแบ่งออกเป็นหลายโซน เช่น โซนน้ำจืด โซนน้ำเค็ม โซนสัตว์ขั้วโลก และอุโมงค์กระจกใต้น้ำที่ยาวกว่า 80 เมตรในมุมมอง 360 องศา ให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลอย่างใกล้ชิด
- พิกัด: No.2 Laiyang Road, Shinan District, Qingdao, Shandong Province
- ค่าเข้าชม: ประมาณ 120 หยวน (เด็กมีส่วนลด)
- เวลาเปิด-ปิด: 08.30 – 17.00 น.
- การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี Huiquan Square แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
12. พิพิธภัณฑ์ที่ทำการเก่าเยอรมัน (Museum of Former German Governor’s House)
พิพิธภัณฑ์ที่ทำการเก่าเยอรมัน (Museum of Former German Governor’s House) อาคารสไตล์ยุโรปที่ในอดีตเคยเป็นที่อยู่อาศัยของผู้ว่าการชาวเยอรมัน ในช่วงที่เยอรมนีปกครองชิงเต่า เมื่อราวปลายศตวรรษที่ 19 อาคารแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาหอส่งสัญญาณ (Signal Hill) ในเขตเมืองเก่า (Old Town) ตัวอาคารสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1907 โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบบาโรก (German Baroque Revival) ผสมกับโครงสร้างหินและอิฐสีเหลืองทอง ภายในมีจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ และเอกสารทางราชการของผู้ว่าการชาวเยอรมัน รวมถึงภาพถ่ายเก่าแก่ที่เล่าถึงชีวิตของเมืองชิงเต่าในยุคอาณานิคม นอกจากนี้ยังสามารถขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าเพื่อชมวิวเมืองและทะเลจากมุมสูงได้อีกด้วย บริเวณรอบ ๆ ก็จะเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และบ้านเก่าสไตล์ยุโรปมากมาย
- พิกัด: No.26 Longshan Road, Shinan District, Qingdao, Shandong Province
- ค่าเข้าชม: ประมาณ 10 หยวน
- เวลาเปิด-ปิด: 08.30 – 16.30 น.
- การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี Zhongshan Road แล้วเดินต่อประมาณ 15 นาที
13. ย่านแปดด่าน (Badaguan Scenic Area)
ย่านแปดด่าน (Badaguan Scenic Area) เป็นย่านเมืองเก่าสุดโรแมนติกที่เต็มไปด้วยบ้านสไตล์ยุโรปมากมาย ชื่อ “แปดด่าน” มีที่มาจากชื่อของถนน 8 สาย ที่ตั้งชื่อตามด่านสำคัญในประวัติศาสตร์จีน เช่น “ด่านซานไห่กวน” และ “ด่านจี๋หย่งกวน” ปัจจุบันย่านนี้มีมากกว่า 10 ถนน ซึ่งแต่ละสายก็จะมีเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมจากประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เยอรมนี รัสเซีย ฝรั่งเศส อังกฤษ ญี่ปุ่น และสเปน บ้านเรือนแต่ละหลังถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ยุคอาณานิคมเยอรมัน ปัจจุบันได้รับการบูรณะให้คงสภาพเดิมไว้ บรรยากาศรอบ ๆ เต็มไปด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่และสวนดอกไม้ที่เปลี่ยนสีตามฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง
- พิกัด: Shinan District, Qingdao, Shandong Province
- ค่าเข้าชม: ฟรี (บางอาคารเปิดให้เข้าชมภายใน มีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย)
- เวลาเปิด-ปิด: ตลอดวัน (เหมาะกับการเที่ยวช่วงเช้า–เย็น)
- การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี Huiquan Square แล้วต่อรถแท็กซี่ประมาณ 5 นาที
14. สวนสาธารณะลู่ซวิ่น (Lu Xun Park)
สวนสาธารณะลู่ซวิ่น (Lu Xun Park) สวนริมทะเลที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดของเมืองชิงเต่า สวนแห่งนี้ตั้งชื่อตาม “ลู่ซวิ่น (Lu Xun)” นักเขียนและนักคิดชื่อดังของจีน เพื่อเป็นเกียรติแก่ผลงานทางวรรณกรรมและอุดมการณ์ของเขา ภายในสวนมีทางเดินเลียบชายทะเลยาวกว่า 1 กิโลเมตร ล้อมรอบด้วยต้นสนทะเล และช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีดอกไม้สีสันสดใสบานทั่วสวน โดยเฉพาะดอกซากุระจีนที่เพิ่มความโรแมนติกสุด ๆ ไปเลย
- พิกัด: No.24 Laiyang Road, Shinan District, Qingdao, Shandong Province
- ค่าเข้าชม: ฟรี
- เวลาเปิด-ปิด: 06.00 – 19.00 น.
- การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี Huiquan Square แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
15. ศูนย์โอลิมปิกเซลลิ่ง (Olympic Sailing Center)
หนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่สะท้อนภาพลักษณ์ความทันสมัยของเมืองชิงเต่าได้อย่างชัดเจนโดย ศูนย์โอลิมปิกเซลลิ่ง (Olympic Sailing Center) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Qingdao Olympic Sailing Marina” ท่าเรือยอชต์ระดับโลกที่เคยใช้จัดการแข่งขันเรือใบในโอลิมปิกปี 2008 ตั้งอยู่ริมอ่าวฝูซาน (Fushan Bay) ปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งใน ที่เที่ยวชิงเต่า ยอดนิยมที่ทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นนิยมมาชมวิว ถ่ายรูป และเดินเล่นในบรรยากาศสุดชิลริมทะเล นอกจากนี้ยังมีบริการเช่าเรือออกไปล่องชมวิวทะเลได้อีกด้วยนะ
- พิกัด: No.1 Yin’ao Road, Shinan District, Qingdao, Shandong Province
- ค่าเข้าชม: ฟรี (บางกิจกรรม เช่น ล่องเรือ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
- เวลาเปิด-ปิด: 08.00 – 22.00 น.
- การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี May Fourth Square แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที
16. สวนจงซาน (Zhongshan Park)
ปิดท้ายกันด้วย สวนจงซาน (Zhongshan Park) สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมืองชิงเต่า ถูกตั้งชื่อตาม “ซุนยัตเซ็น (Sun Yat-sen)” หรือ “ดร.ซุนจงซาน” บิดาแห่งการปฏิวัติของจีน เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดี ภายในสวนเต็มไปด้วยต้นไม้ ทะเลสาบ สะพานไม้ ศาลาริมน้ำ และภูเขาจำลองที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับพื้นที่สีเขียวแห่งนี้ หนึ่งในไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือ เทศกาลดอกซากุระชิงเต่า (Qingdao Cherry Blossom Festival) ซึ่งจะจัดขึ้นทุกปีในช่วงเดือนเมษายน–พฤษภาคม โดยมีต้นซากุระมากกว่า 20,000 ต้นผลิบานทั่วสวน เปลี่ยนพื้นที่ทั้งสวนให้กลายเป็นภาพพาโนรามาสีชมพูสุดโรแมนติก เหมาะสำหรับถ่ายภาพและเดินชมความงามของธรรมชาติอย่างเต็มอิ่ม
- พิกัด: No.28 Wusheng Road, Shinan District, Qingdao, Shandong Province
- ค่าเข้าชม: ฟรี
- เวลาเปิด–ปิด: 06.00 – 19.00 น.
- การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี Jiangxi Road แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที