ภูเขาหิมะมังกรหยกควรไปเดือนไหน

เที่ยว ภูเขาหิมะมังกรหยก ควรไปช่วงไหน? สัมผัสเสน่ห์ความงามขอเทือกเขาหิมะแห่งลี่เจียง

คุณกำลังอยากไปเที่ยวภูเขาหิมะมังกรหยกอยู่หรือป่าว? ถ้าใช่แล้วเคยสงสัยไหมว่า ภูเขาหิมะมังกรหยก ควรไปช่วงไหน? ถึงจะได้ภาพสวย ๆ วันนี้ Travelzeed มีคำตอบ เทือกเขาหิมะสุดอลังการแห่งเมืองลี่เจียง คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด เพราะแต่ละฤดูก็จะมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน ไปทำความรู้จักภูเขาลูกนี้กันเลยยยย!!!

ภูหิมะเขามังกรหยก อยู่ที่ไหน?

ภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) หรือ เขามังกรหยก ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองลี่เจียง (Lijiang) มณฑลยูนนาน (Yunnan) ประเทศจีน เป็นเทือกเขาศักดิ์สิทธิ์ของชาวนาซี สูงกว่า 5,596 เมตร มีหิมะปกคลุมตลอดปี และประกอบด้วยยอดเขา 13 ยอดที่คล้ายมังกรเลื้อย ได้รับการจัดอันดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A และขึ้นทะเบียนอุทยานธรณีธารน้ำแข็งแห่งชาติ ถือเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดผู้คนให้มาเยือนตลอดทั้งปี

เที่ยวภูเขาหิมะมังกรหยก ช่วงไหนดี?

1. ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)

ภูเขาหิมะมังกรหยก ฤดูหนาว

นี่คือฤดูกาลที่ ภูเขาหิมะมังกรหยก สมชื่อที่สุด หิมะปกคลุมทั่วทั้งยอดเขา ทิวทัศน์ขาวโพลนสุดโรแมนติก บรรยากาศเหมือนเมืองหิมะในเทพนิยาย อุณหภูมิช่วงกลางวันอยู่ที่ 0–14°C ถ้าอยากสัมผัสความงามแบบเต็มพิกัดของ Glacier Park ต้องไม่พลาดฤดูหนาวนี้ แนะนำให้เตรียมเสื้อผ้ากันหนาวให้พร้อม เพราะลมหนาวแรงมากบนยอดเขา

2. ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)

นั่งกระเช้าขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยก

ช่วงนี้คือการเริ่มต้นของความสดชื่นที่ภูเขาหิมะมังกรหยก อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 8–20°C อากาศเย็นสบาย เหมาะกับการนั่งกระเช้าขึ้นชมวิวที่ระดับความสูงกว่า 4,500 เมตร ท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม ดอกไม้เริ่มผลิบานบริเวณเชิงเขา โดยเฉพาะ หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน (Blue Moon Valley) ที่กลายเป็นภาพฝันของธรรมชาติ ทั้งสีเขียวสดใสและหิมะขาวสะอาดบนยอดเขา เป็นฤดูที่เห็นทั้งหิมะและดอกไม้ในทริปเดียว

3. ฤดูร้อน (มิถุนายน – กันยายน)

ภูเขาหิมะมังกรหยก ฤดูร้อน

ถึงแม้จะเป็นฤดูฝน แต่ภูเขาหิมะมังกรหยก ก็ยังมีเสน่ห์ของความเขียวชอุ่มจากธรรมชาติรอบๆ เช่น ทุ่งหญ้าจามรี (Yak Meadow) และ ทุ่งหญ้าสปรูซ (Spruce Meadow) ที่เขียวสดตัดกับทิวเขา แต่ด้วยฝนและหมอกในบางวัน อาจทำให้การมองเห็นยอดเขาหิมะไม่ชัดเจน หากคุณต้องการบรรยากาศร่มรื่น สดชื่น และไม่เน้นเห็นยอดหิมะชัดๆ ฤดูนี้ก็เป็นอีกทางเลือกที่ไม่เลว

4. ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน)

ภูเขาหิมะมังกรหยก

ถ้าคุณคือสายถ่ายภาพ นี่คือฤดูที่ไม่ควรพลาด! ฟ้าใส ไม่มีเมฆบดบัง วิวจากบนภูเขาหิมะมังกรหยกจะมองเห็นได้ไกลสุดสายตา ยอดเขาขาวสะอาดตัดกับใบไม้เปลี่ยนสีด้านล่าง สวยราวภาพวาด โดยเฉพาะช่วงตุลาคม–พฤศจิกายน ที่ใบไม้รอบๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงทองตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียว ถือเป็นช่วงฟูลวิวของฤดูนี้แบบเต็มตา

สิ่งที่ควรรู้ก่อนขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยก

การเที่ยวชม ภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) ถือเป็นหนึ่งในประสบการณ์สุดพิเศษที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักเดินทางสายธรรมชาติ แต่เนื่องจากระดับความสูงกว่า 4,500 เมตร และอากาศที่หนาวจัดตลอดปี จึงจำเป็นต้องวางแผนล่วงหน้าและเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อความปลอดภัยและความสนุกตลอดทริป

1. การเตรียมตัวรับมือกับอากาศหนาวและระดับความสูง

  • อุณหภูมิและสภาพอากาศ บนยอดเขามีอุณหภูมิที่ต่ำมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิอาจต่ำถึง -6.8°C และลมแรงอาจทำให้รู้สึกหนาวจัด
  • อาการจากความสูง (Altitude Sickness) เนื่องจากความสูงที่มากกว่า 4,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล อาจทำให้เกิดอาการเวียนหัว หายใจลำบาก หรือคลื่นไส้ได้ ควรใช้เวลาในการปรับตัวและหลีกเลี่ยงการออกแรงมากเกินไป

2. ของใช้จำเป็นสำหรับการเดินทาง

  • เสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาว ควรสวมเสื้อผ้าหลายชั้นที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ เช่น เสื้อกันลม เสื้อกันน้ำ ถุงมือ และรองเท้าที่เหมาะสม
  • ออกซิเจนกระป๋อง แนะนำให้นำออกซิเจนกระป๋องติดตัวไปด้วย เพื่อช่วยบรรเทาอาการจากความสูง
  • อาหารและน้ำดื่ม ควรพกอาหารว่าง เช่น ช็อกโกแลต และน้ำดื่ม เพื่อเพิ่มพลังงานและป้องกันการขาดน้ำ
  • ยาและอุปกรณ์ส่วนตัว หากมีโรคประจำตัว ควรพกยาติดตัวไปด้วย และควรพกถุงมือ แว่นกันแดด และครีมกันแดด เพื่อป้องกันแสงแดดแรงและลมหนาวบนที่สูง

3. การเดินทางและการขึ้นกระเช้า

  • กระเช้าลอยฟ้า มีบริการกระเช้าหลายสาย เช่น กระเช้า Glacier ที่พานักท่องเที่ยวขึ้นไปยังจุดชมวิวที่ระดับความสูง 4,506 เมตร
  • ค่าใช้จ่าย ราคาตั๋วสำหรับการขึ้นกระเช้าและเข้าชมอุทยานอาจแตกต่างกัน ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดก่อนการเดินทาง
  • เวลาเปิด-ปิด อุทยานเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06:30 – 18:00 น.

4. ข้อควรระวังด้านสุขภาพและความปลอดภัย

  • การปรับตัว ให้เวลาร่างกายปรับตัวกับความสูงก่อนการเดินทางขึ้นยอดเขา
  • หลีกเลี่ยงการออกแรงมาก หลีกเลี่ยงการวิ่งหรือออกแรงมากเกินไป เพื่อป้องกันอาการจากความสูง
  • ฟังสัญญาณจากร่างกาย หากรู้สึกไม่สบาย เช่น เวียนหัว คลื่นไส้ หรือหายใจลำบาก ควรหยุดพักและขอความช่วยเหลือทันที

การขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยกไม่เพียงแต่เป็นการชมวิวหิมะขาวสวยตระการตาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสัมผัสธรรมชาติที่ความสูงระดับโลก ดังนั้นหากคุณเตรียมตัวตามคำแนะนำด้านบน รับรองว่าเที่ยวได้อย่างอุ่นใจ ปลอดภัย และเต็มไปด้วยความทรงจำที่ล้ำค่า

สรุป : เที่ยวภูเขาหิมะมังกรหยก ช่วงไหนดีที่สุด? 

“ภูเขาหิมะมังกรหยก” (Jade Dragon Snow Mountain) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติสุดอลังการ ที่เที่ยวได้ตลอดปี แต่…ถ้าถามว่า “เดือนไหนดีที่สุด?” คำตอบขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณอยากเห็น ไม่ว่าจะเป็นหิมะขาว ท้องฟ้าใส ใบไม้เปลี่ยนสี หรือดอกไม้ผลิบาน เราสรุปให้แล้วที่นี่!

❄️ ชอบหิมะขาว วิวอลังการ ต้องไปช่วง ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)
🌸 อยากเห็นหิมะกับธรรมชาติสีเขียว ต้องไป ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)
🍁 อยากชมใบไม้เปลี่ยนสี + หิมะบางส่วน แนะนำ ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน)
🌿 ถ้าชอบเขียวชอุ่มสดชื่น ให้เลือก ฤดูร้อน (มิถุนายน – กันยายน)

บทส่งท้าย

เป็นยังไงกันบ้างคะ หลังจากได้รู้แล้วว่า ภูเขาหิมะมังกรหยก ควรไปเดือนไหนดี? และต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง หวังว่าคุณจะเริ่มเห็นภาพทริปในฝันชัดขึ้นแล้วนะคะ
และถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นจองยังไง วางแผนเส้นทางแบบไหน Travelzeed ขอเป็นเพื่อนร่วมทางที่จะดูแลคุณทุกขั้นตอน
พร้อมเมื่อไหร่ จอง ทัวร์ภูเขาหิมะมังกรหยก กับเรา แล้วเตรียมตัวแล้วไปสูดอากาศเย็น ๆ ท่ามกลางวิวหิมะสุดอลังการด้วยกันนะคะ

Facebook Comments
Scroll to Top