ทัวร์ฟูจิ 2568 เที่ยวครบรอบภูเขาไฟฟูจิ จุดชมวิวสวย พร้อมวิธีเดินทางง่าย ๆ จากโตเกียว

ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) คือสัญลักษณ์สำคัญของประเทศญี่ปุ่นที่ทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างรู้จักและใฝ่ฝันจะได้มาเยือนอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต ด้วยทัศนียภาพอันงดงามของภูเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบและโรแมนติก ในบทความนี้ Travelzeed จะพามาพูดถึงที่เที่ยวรอบฟูจิ ฤดูกาลที่เหมาะแก่การเที่ยวภูเขาไฟฟูจิ เส้นทางยอดฮิต ไปจนถึงข้อมูลน่ารู้ที่ช่วยให้การเดินทางของคุณสะดวกและน่าประทับใจยิ่งขึ้น ไปดูกันเลย!!

ทำไมต้องไป ทัวร์ฟูจิ สักครั้งในชีวิต?

ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) คือภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ด้วยความสูงถึง 3,776 เมตร และเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกใฝ่ฝันอยากมาเยือน มีลักษณะเป็นภูเขารูปทรงกรวยสมมาตรที่ยิ่งใหญ่และสวยงามมาก ๆ ยอดเขาถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวในฤดูหนาว ราวกับสวมหมวกสีขาว ซึ่งเป็นภาพที่หลายคนตราตรึงใจมาก ๆค่ะ นอกจากนี้ภูเขาไปฟูจิ ยังมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งงว่า ฟูจิซัง (富士山) ซึ่งเป็นชื่อเรียกในภาษาญี่ปุ่น หมายถึง "ภูเขาที่อุดมสมบูรณ์" ไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมทั้งในศาสนาชินโตและพระพุทธศาสนาอีกด้วย ในปี 2013 องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ยกย่องให้ภูเขาไฟฟูจิเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม จากความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์ ศิลปะ และจิตวิญญาณของชาวญี่ปุ่น ภูเขาไฟฟูจิได้กลายเป็นแรงบันดาลใจในงานศิลปะมากมาย หนึ่งในผลงานที่มีชื่อเสียงคือ “ทัศนียภาพ 36 มุมของภูเขาไฟฟูจิ” ผลงานของจิตรกรชื่อดัง คัตสึชิกะ โฮกุไซ ที่ถ่ายทอดความงดงามของฟูจิในหลากหลายมุมมอง นอกจากนี้บริเวณรอบภูเขาไฟฟูจิยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ห้ได้สัมผัสธรรมชาติในทุกฤดูกาล ทั้งทะเลสาบ วัดวาอาราม และเส้นทางเดินเขามากมาย เพราะฉะนั้นแล้ว ภูเขาไฟฟูจิ ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นในเชิงภาพลักษณ์ แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของวัฒนธรรม วิถีชีวิต และความศรัทธาที่ชาวญี่ปุ่นมีต่อธรรมชาติ

ฤดูกาลที่เหมาะกับการไปทัวร์ฟูจิ

1. ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม–พฤษภาคม)

ช่วงเวลาที่ฟูจิจะถูกเติมเต็มด้วยความงดงามของดอกซากุระบานสะพรั่งทั่วบริเวณรอบๆ ยอดเขา ทำให้เกิดภาพวิวสุดฟินที่มีสีขาวของภูเขาไฟฟูจิขนาดใหญ่ตัดกับสีชมพูอ่อนของดอกซากุระ และท้องฟ้าสีฟ้าสดใส อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 5–15 องศาเซลเซียส

2. ฤดูร้อน (มิถุนายน–สิงหาคม)

เป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับนักผจญภัยและนักปีนเขาที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การเดินทางขึ้นยอดเขาฟูจิ ด้วยเส้นทางปีนเขาที่เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ พร้อมกับธรรมชาติที่เขียวชอุ่มและอากาศสดชื่น โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 15–25 องศาเซลเซียส (แต่อุณหภูมิบนยอดเขาอาจลดลงต่ำกว่า 5 องศาได้)

3. ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน–พฤศจิกายน)

ฟูจิในฤดูใบไม้ร่วงเต็มไปด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม ทั้งสีแดง สีส้ม และสีเหลืองสดใส ตัดกับยอดเขาที่ยังคงมีหิมะบางส่วน เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายภาพ
อุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ 5–18 องศาเซลเซียส

4. ฤดูหนาว (ธันวาคม–กุมภาพันธ์)

ในฤดูหนาว ฟูจิจะโชว์ความงดงามในรูปแบบยอดเขาที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาวสะอาดตา พร้อมกับท้องฟ้าที่ใสและทัศนียภาพที่ชัดเจนที่สุดของปีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ -5 ถึง 5 องศาเซลเซียส 

ที่เที่ยวห้ามพลาดเมื่อไปเยือนฟูจิ

1. ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchi) 

ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchi) เป็นหนึ่งในทะเลสาบทั้งห้าที่ล้อมรอบภูเขาไฟฟูจิ และถือเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ด้วยทัศนียภาพของฟูจิที่สะท้อนลงบนผิวน้ำอย่างงดงาม ทะเลสาบแห่งนี้เดินทางได้สะดวกจากโตเกียว ทั้งโดยรถไฟและรถบัส เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่วางแผนเที่ยวฟูจิแบบไปเช้าเย็นกลับ ในวันที่อากาศแจ่มใส คุณจะได้ชมภาพของภูเขาไฟฟูจิที่ปรากฏบนพื้นน้ำอย่างชัดเจน เสมือนภาพสะท้อนจากกระจกธรรมชาติ ซึ่งทำให้ทะเลสาบคาวากุจิโกะกลายเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและช่างภาพจากทั่วโลก

2. เจดีย์ชูเรโต (Chureito Pagoda)

เจดีย์ชูเรโตะ (Chureito Pagoda) เป็นหนึ่งในจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ภายในสวนอาราคุระยามะเซ็นเก็น (Arakurayama Sengen Park) เมืองฟูจิโยชิดะ จังหวัดยามานาชิ เจดีย์ห้าชั้นสีแดงสดตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิที่งดงาม ทำให้ที่นี่กลายเป็นสัญลักษณ์ภาพถ่ายยอดนิยมของญี่ปุ่น จุดชมวิวด้านบน ซึ่งให้ภาพพาโนรามาของภูเขาไฟฟูจิ เจดีย์ และเมืองฟูจิโยชิดะอยู่ในเฟรมเดียวกัน ช่วงเวลาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือฤดูใบไม้ผลิ เมื่อต้นซากุระรอบเจดีย์ผลิบานเต็มที่ สร้างภาพที่ทั้งสวยงามและตราตรึงใจสำหรับทุกสายตา

3. หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai)

หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai) เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เงียบสงบตั้งอยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ ในจังหวัดยามานาชิ จุดเด่นของที่นี่คือบ่อน้ำใส 8 แห่งที่เกิดจากการละลายของหิมะบนภูเขาฟูจิที่ถูกกรองผ่านชั้นหินภูเขาไฟมานานหลายสิบปี ทำให้น้ำที่นี่ใสสะอาดจนมองเห็นพื้นบ่อชัดเจน บรรยากาศของหมู่บ้านยังคงกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม มีบ้านเรือนมุงจาก ร้านค้าท้องถิ่น และวิวฟูจิที่สวยจับใจ เหมาะกับการเดินเล่น ถ่ายรูป หรือซื้อของฝากจากร้านเล็ก ๆ ที่ขายขนมพื้นเมืองอย่างเซนเบ้หรือคุซะโมจิ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่จัดแสดงวิถีชีวิตญี่ปุ่นในสมัยก่อนให้ชมอีกด้วย

4. ฟูจิคิว ไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland)

สวนสนุกที่ท้าทายที่สุดในญี่ปุ่น ชื่อของ ฟูจิคิว ไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland) คงติดอันดับต้น ๆ แน่นอน เพราะที่นี่คือสวรรค์ของคนชอบความหวาดเสียว ตั้งอยู่ไม่ไกลจากภูเขาไฟฟูจิ สวนสนุกแห่งนี้ไม่ได้มีดีแค่เครื่องเล่นสุดโหด แต่ยังมาพร้อมกับวิวฟูจิที่งดงามเป็นฉากหลัง เครื่องเล่นไฮไลท์ของที่นี่คือพวกรถไฟเหาะระดับโลกอย่างรถไฟเหาะ Fujiyama และ Eejanaika ซึ่งล้วนเคยทำสถิติโลกมาแล้ว นอกจากนี้ยังมีโซนผจญภัยในบ้านผีสิงที่ได้ชื่อว่าหลอนที่สุดในญี่ปุ่น และโซนสำหรับครอบครัว เช่น Thomas Land และโซนน่ารักอย่าง Gaspard et Lisa Village ที่เหมาะกับเด็ก ๆ และสายถ่ายรูป

5. ถ้ำลมฟุกาคุ (Fugaku Wind Cave)

ถ้ำลมฟุกาคุ (Fugaku Wind Cave) เป็นหนึ่งในถ้ำลาวาธรรมชาติที่ตั้งอยู่บริเวณป่าอาโอกิงาฮาระ ซึ่งอยู่เชิงภูเขาไฟฟูจิฝั่งจังหวัดยามานาชิ ที่นี่เป็นถ้ำแนวนอนที่เกิดจากลาวาภูเขาไฟเมื่อหลายพันปีก่อน และมีอุณหภูมิภายในเย็นสบายตลอดปี อยู่ที่ประมาณ 3 องศาเซลเซียส แม้ในช่วงหน้าร้อนก็ยังเย็นอยู่เสมอ ไฮไลท์ของที่นี่คือภายในถ้ำที่เต็มไปด้วยหินบะซอลต์และผนังที่ไม่สะท้อนเสียง ทำให้บรรยากาศเงียบสงบและมีความลึกลับ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดง “เสาน้ำแข็ง” ที่ไม่ละลายแม้ในฤดูร้อน รวมถึงข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ที่เล่าว่าที่นี่เคยถูกใช้เป็นห้องเก็บไข่ไหมและเมล็ดพันธุ์ในสมัยโบราณ เพราะอุณหภูมิคงที่เหมาะกับการเก็บรักษา

6. น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Falls)

น้ำตกชิราอิโตะ (shiraito falls) เป็นหนึ่งในสถานที่ธรรมชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดชิซูโอกะ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากภูเขาไฟฟูจิ และโดดเด่นด้วยความงดงามของสายน้ำจำนวนมากที่ไหลเบา ๆ ลงมาจากหน้าผากว้างราวกับม่านน้ำ บางส่วนของน้ำดูคล้ายเส้นด้ายสีขาว จนเป็นที่มาของชื่อ “ชิราอิโตะ” ซึ่งแปลว่า “ไหมขาว” สิ่งที่ทำให้น้ำตกแห่งนี้พิเศษคือ แหล่งน้ำส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากแม่น้ำโดยตรง แต่มาจากน้ำที่ละลายจากหิมะบนภูเขาไฟฟูจิ ไหลซึมผ่านชั้นหินภูเขาไฟจนกลั่นตัวออกมาบริเวณหน้าผา เป็นน้ำใสสะอาดไหลเบาแต่สวยงาม บรรยากาศโดยรอบยังเต็มไปด้วยธรรมชาติ ป่าไม้ และในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี จะเห็นฉากหลังเป็นสีแดงส้มตัดกับม่านน้ำสีขาวที่สวยงามมาก

7. สวนโออิชิ (Oishi Park)

สวนโออิชิ (Oishi Park) เป็นจุดชมวิวธรรมชาติที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบคาวากุจิโกะ จังหวัดยามานาชิ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในจุดชมภูเขาไฟฟูจิที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ความพิเศษของสวนนี้คือวิวของภูเขาไฟฟูจิที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังสวนดอกไม้ ทำให้มุมถ่ายภาพตรงนี้ได้รับความนิยมมากจากทั้งนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและต่างชาติ จุดเด่นของสวนโออิชิคือ “ทุ่งดอกไม้หลากสี” ที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นดอกลาเวนเดอร์ในฤดูร้อน ชิบะซากุระในฤดูใบไม้ผลิ หรือโคเชียในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทั้งหมดล้วนจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบในแนวยาวที่เรียกว่า “ฮานะไคโด” (Hana Kaido) ซึ่งเป็นเส้นทางเดินชมวิวริมสวนให้ผู้มาเยือนเพลิดเพลินได้แบบสบาย ๆ

วิธีการเดินทางไปภูเขาไฟฟูจิจากโตเกียว

อยากชมภูเขาไฟฟูจิแบบใกล้ ๆ พร้อมสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่ใช่เรื่องยาก! จากโตเกียวสามารถเดินทางได้หลากหลายวิธี ทั้งรถไฟ รถบัส หรือเช่ารถขับเอง ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็ถึงจุดหมายที่ทุกคนใฝ่ฝัน มีวิธีการเดินทางแบบไหนไปบ้างไปดูกัน!

1. รถไฟ JR Chuo Line + Fujikyu Line

• เส้นทาง จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku) ขึ้นรถไฟ JR Chuo Line Limited Express ไปยังสถานีโอโซกิ (Otsuki) ใช้เวลาประมาณ 60 นาที จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟ Fujikyu Line ไปยังสถานีคาวากุจิโกะ(Kawaguchiko) ใช้เวลาประมาณ 60 นาที
• ค่าโดยสาร ประมาณ 2,510–3,530 เยนต่อเที่ยว
• ระยะเวลาเดินทางรวม ประมาณ 2 ชั่วโมง 10 นาทีถึง 2 ชั่วโมง 40 นาที
• เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเดินทางและไม่รีบร้อน

2. รถบัสด่วน Fuji Excursion

• เส้นทาง จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku) ขึ้นรถบัสด่วนสาย Fuji Excursion ไปยังสถานีคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko)
• เวลาเดินทาง ประมาณ 2 ชั่วโมง 25 นาที
• ค่าโดยสาร ประมาณ 4,130 เยนต่อเที่ยว
• ตารางเวลา รถออกจากชินจูกุเวลา 07:30, 08:30, 09:30, 11:30 น. และออกจากคาวากุจิโกะเวลา 15:03, 16:25, 16:51, 17:36 น.
• จุดเด่น สะดวกสบายและมีที่นั่งระบุ
• หมายเหตุ ควรจองตั๋วล่วงหน้า เนื่องจากมีจำนวนจำกัด

3. ขับรถส่วนตัว

• เส้นทาง จากโตเกียว ขับรถไปยังภูเขาไฟฟูจิ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 139 หรือ 138
• ระยะเวลาเดินทาง ประมาณ 2–3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร
• ค่าใช้จ่าย ค่าน้ำมันและค่าทางด่วนประมาณ 2,500–3,000 เยน
• ข้อดี สะดวกสบายและสามารถหยุดแวะตามสถานที่ต่าง ๆ ได้ตามต้องการ
• ข้อควรระวัง ควรตรวจสอบสภาพอากาศและสภาพถนนก่อนเดินทาง

4.  รถบัสท้องถิ่นจากฟูจิโนมิยะ

• เส้นทาง จากสถานีฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya) ขึ้นรถบัสท้องถิ่นไปยังสถานีที่ 5 ของภูเขาไฟฟูจ
• เวลาเดินทาง ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
• ค่าโดยสาร ประมาณ 2,500 เยนต่อเที่ยว
• เหมาะสำหรับ ผู้ที่อยู่ใกล้สถานีฟูจิโนมิยะและต้องการขึ้นไปยังสถานีที่ 5 ของภูเขาไฟฟูจิ

อาหารท้องถิ่นที่ต้องลองเมื่อมาเยือนฟูจิ

เมื่อมาเยือนฟูจิ อย่าพลาดลิ้มลองอาหารพื้นเมืองที่สะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่นจากยามานาชิและชิซูโอกะ ซึ่งอร่อยไม่แพ้วิวภูเขาไฟ โดยมีเมนูแนะนำดังนี้:

1. โฮโต (Hoto)

โฮโต (Hoto) เมนูเส้นพื้นเมืองของจังหวัดยามานาชิ ใช้เส้นแบนหนานุ่มคล้ายอุด้ง ต้มในซุปมิโสะพร้อมผักตามฤดูกาล เช่น ฟักทอง แครอท เห็ด ให้รสกลมกล่อม อบอุ่น และอิ่มสบายท้อง

2. ฟูจิโนะมิยะ ยากิโซบะ (Fujinomiya Yakisoba)

ยากิโซบะที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น ต้องยกให้ “ฟูจิโนะมิยะ ยากิโซบะ” (Fujinomiya Yakisoba) ซึ่งเป็นของดีจากเมืองฟูจิโนะมิยะ จังหวัดชิซูโอกะ จุดเด่นอยู่ที่เส้นยากิโซบะที่เหนียวกว่าปกติ ผัดกับซอสวูสเตอร์รสเข้มที่คลุกเคล้าเข้ากันดี

3. โยชิดะอุด้ง (Yoshida Udon)

โยชิดะอุด้ง (Yoshida Udon) อุด้งท้องถิ่นจากเมืองฟูจิโยชิดะ เส้นหนา เหนียวหนึบ ซุปเข้มข้นจากปลาแห้งหรือเนื้อ เสิร์ฟพร้อม “ซุริดาเระ” เครื่องปรุงพริกมิโสะรสเผ็ดเล็ก ๆ เพิ่มรสชาติถึงใจ

4. กุ้งซากุระ (Sakura Ebi)

กุ้งซากุระ (Sakura Ebi) วัตถุดิบขึ้นชื่อจากอ่าวสุรุกะ จังหวัดชิซูโอกะ กุ้งตัวเล็กสีชมพู รสหวานธรรมชาติ นิยมกินแบบซาชิมิ เท็มปุระ หรือข้าวหน้ากุ้งซากุระ อร่อยและหากินยาก ควรลองสักครั้ง

5.  ข้าวหน้าโอโทโร่ (Otoro Don)

เมนูปลาดิบพรีเมียมที่ใช้โอโทโร่ (Otoro Don) ส่วนท้องปลาทูน่าเนื้อนุ่ม ไขมันแทรกละลายในปาก เสิร์ฟบนข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ พร้อมวาซาบิหรือไข่ปลาแซลมอน หรูหราแต่เข้าถึงง่าย สด ฟินแน่นอน

บทสรุปส่งท้าย

ภูเขาไฟฟูจิไม่ใช่เพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยว แต่คือหัวใจของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่หล่อหลอมทั้งความศรัทธา ศิลปะ และธรรมชาติไว้อย่างกลมกลืน ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ฟูจิซังก็เปล่งประกายความงามที่ตราตรึงใจ และยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลก หากคุณมีโอกาสไปเยือนญี่ปุ่นสักครั้ง อย่าลืมแวะไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ของภูเขาไฟฟูจิด้วยตาของคุณเองนะคะ แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดของดินแดนอาทิตย์อุทัย หรือหากใครกำลังสนใจ ทัวร์ฟูจิ ก็สามารถทัก Travelzeed ได้เลยนะคะ แล้วไปเที่ยวด้วยกันเยอะ ๆ นะคะ