ทัวร์จีน
ทัวร์ญี่ปุ่น
ทัวร์กัมพูชา
ทัวร์กาตาร์
ทัวร์คาซัคสถาน
ทัวร์คีร์กีซสถาน
ทัวร์จอร์แดน
ทัวร์จีน
ทัวร์ญี่ปุ่น
ทัวร์ทาจิกิสถาน
ทัวร์ทิเบต
ทัวร์บังกลาเทศ
ทัวร์ปากีสถาน
ทัวร์พม่า
ทัวร์ฟิลิปปินส์
ทัวร์ภูฏาน
ทัวร์มองโกเลีย
ทัวร์มัลดีฟส์
ทัวร์มาเก๊า
ทัวร์มาเลเซีย
ทัวร์ลาว
ทัวร์ศรีลังกา
ทัวร์สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ทัวร์สิงคโปร์
ทัวร์อินเดีย
ทัวร์อินโดนีเซีย
ทัวร์อิหร่าน
ทัวร์อุซเบกิสถาน
ทัวร์ฮ่องกง
ทัวร์เกาหลีใต้
ทัวร์เนปาล
ทัวร์เวียดนาม
ทัวร์ไต้หวัน
ทัวร์กรีซ
ทัวร์กรีนแลนด์
ทัวร์จอร์เจีย
ทัวร์ตุรกี
ทัวร์นอร์เวย์
ทัวร์นิวซีแลนด์
ทัวร์บราซิล
ทัวร์บัลแกเรีย
ทัวร์ฝรั่งเศส
ทัวร์ฟินแลนด์
ทัวร์ยูกันดา
ทัวร์รัสเซีย
ทัวร์ลิเบีย
ทัวร์สกอตแลนด์
ทัวร์สวิตเซอร์แลนด์
ทัวร์สวีเดน
ทัวร์สหรัฐอเมริกา
ทัวร์สาธารณรัฐเช็ก
ทัวร์สเปน
ทัวร์ออสเตรีย
ทัวร์ออสเตรเลีย
ทัวร์อังกฤษ
ทัวร์อาร์เจนตินา
ทัวร์อาร์เมเนีย
ทัวร์อิตาลี
ทัวร์อียิปต์
ทัวร์ฮังการี
ทัวร์เซอร์เบีย
ทัวร์เดนมาร์ก
ทัวร์เนเธอร์แลนด์
ทัวร์เบลารุส
ทัวร์เปรู
ทัวร์เยอรมนี
ทัวร์แคนาดา
ทัวร์แอฟริกาใต้
ทัวร์โครเอเชีย
ทัวร์โปรตุเกส
ทัวร์โปแลนด์
ทัวร์โมรอคโค
ทัวร์โรมาเนีย
ทัวร์ไอซ์แลนด์
ทัวร์ไอร์แลนด์
ทัวร์กว่า 2,000 รายการ ทั้งในและต่างประเทศ
แพ็คกระเป๋า เลือกวันเดินทางได้ตามใจคุณ
ราคาสุดคุ้ม ทั้งตั๋วและที่พัก
ล่องเรือสำราญระดับโลก
บริการจัดทัวร์ตามความต้องการ
บริการจัดการวีซ่าครบวงจร

หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ทั้งสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่มีอะไรเทียบได้กับ ทัวร์แสงเหนือ ปรากฏการณ์ธรรมชาติบนท้องฟ้าที่หลายคนใฝ่ฝันจะได้เห็นสักครั้งในชีวิต บทความนี้ Travelzeed จะพาคุณไปรู้จักกับแสงเหนือ ตั้งแต่ที่มา สีสัน ไปจนถึงสถานที่ยอดนิยมและเคล็ดลับการเตรียมตัว สำหรับการเดินทางล่าแสงเหนืออย่างคุ้มค่าและประทับใจที่สุด

แสงเหนือ หรือ Aurora Borealis คือปรากฏการณ์เรืองแสงที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าในเขตใกล้ขั้วโลกเหนือ สาเหตุเกิดจาก อนุภาคประจุจากลมสุริยะ ที่พุ่งมายังโลกและชนกับ สนามแม่เหล็กโลก ทำให้อนุภาคเหล่านั้นเข้าสู่ชั้นบรรยากาศและทำปฏิกิริยากับแก๊สต่าง ๆ จนเกิดแสงที่มีสีสันที่แตกต่างกัน สีสันของแสงเหนือ ขึ้นอยู่กับชนิดของก๊าซในบรรยากาศและระดับความสูง ดังนี้
การออกเดินทาง ทัวร์แสงเหนือ จะพาคุณไปยังพื้นที่ที่เรียกว่า เขตวงรีแสงออโรรา (Aurora Oval) ซึ่งเป็นเขตที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือสูงที่สุดในโลก โดยจุดหมายยอดนิยม ได้แก่:

นอร์เวย์ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนในฝันของนักล่าแสงเหนือ ด้วยวิวฟยอร์ดและภูเขาที่โอบล้อมด้วยทะเลแถบอาร์กติก จุดหมายยอดนิยมคือ ทรอมโซ (Tromsø) เมืองเล็ก ๆ ที่สามารถมองเห็นแสงเหนือได้จากกลางเมือง หรือจะเดินทางต่อไปยัง หมู่เกาะลอฟเทน (Lofoten) เพื่อสัมผัสแสงเหนือท่ามกลางธรรมชาติ และ อัลตา (Alta) เมืองที่ผสมผสานการชมแสงเข้ากับวัฒนธรรมซามิพื้นเมือง

สวีเดนเหมาะสำหรับคนที่มองหาประสบการณ์ชมแสงเหนือแบบสงบและไม่วุ่นวาย หนึ่งในจุดชมที่ดีที่สุดคือ อาบิสโก (Abisko) ซึ่งมี “ช่องฟ้าใส” หรือ Blue Hole ที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือสูงแม้อากาศจะไม่เป็นใจ อีกเมืองที่ไม่ควรพลาดคือ คิรูนา (Kiruna) เมืองเหมืองทางตอนเหนือซึ่งเป็นประตูสู่กิจกรรมฤดูหนาวมากมาย

หากฝันถึงการนอนดูแสงเหนือจากบ้านอิกลูแก้ว ฟินแลนด์คือคำตอบ! เริ่มจาก โรวาเนียมี (Rovaniemi) เมืองหลวงแห่งแลปแลนด์ที่เป็นทั้งบ้านซานตาคลอสและจุดเริ่มต้นทริปล่าแสงเหนือ จากนั้นมุ่งหน้าไปยัง ซารีเซลกา (Saariselkä) เมืองเล็กที่เต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์และเงียบสงบ หรือ เคมิ (Kemi) เมืองชายทะเลที่มีโรงแรมน้ำแข็งชื่อดัง

แสงเหนือในไอซ์แลนด์มักจะปรากฏเหนือน้ำตก ภูเขาไฟ หรือทะเลสาบน้ำแข็ง ทำให้ทุกการถ่ายภาพดูราวกับโปสต์การ์ด จุดเริ่มต้นยอดนิยมคือ เรคยาวิก (Reykjavik) เมืองหลวงที่สามารถออกทริปล่าแสงเหนือรอบนอกได้สะดวก ส่วนใครที่เน้นภาพถ่ายควรมุ่งหน้าไปยัง ภูเขาเคิร์กจูเฟล (Kirkjufell) ซึ่งเป็นฉากหลังที่โด่งดังที่สุดของแสงเหนือ

แคนาดาโดดเด่นเรื่องพื้นที่โล่งและท้องฟ้าที่ไร้มลภาวะ เหมาะกับการชมแสงเหนืออย่างเงียบสงบ หนึ่งในเมืองยอดฮิตคือ เยลโลว์ไนฟ์ (Yellowknife) ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องการเห็นแสงเหนือแทบทุกคืนในฤดูหนาว หรือจะเลือก ไวต์ฮอร์ส (Whitehorse) ในยูคอน ที่มีทั้งวิวภูเขาและทะเลสาบล้อมรอบ ส่วน เชิร์ชิลล์ (Churchill) ก็เหมาะสำหรับผู้ที่อยากชมแสงเหนือควบคู่กับหมีขั้วโลก

อลาสกาให้บรรยากาศการล่าแสงเหนือแบบดิบและตื่นเต้น โดยเฉพาะใน แฟร์แบงค์ส (Fairbanks) ซึ่งถือเป็นเมืองอันดับต้น ๆ สำหรับการชมแสงในอเมริกาเหนือ หรือถ้าชอบธรรมชาติมากขึ้น แนะนำให้ไปยัง เดนาเล่ (Denali) ใกล้อุทยานแห่งชาติชื่อเดียวกัน หรือ แองคอเรจ (Anchorage) เมืองชายฝั่งที่สามารถชมแสงเหนือควบคู่กับทริปเที่ยวทะเลสาบน้ำแข็งได้
กรีนแลนด์ เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดในโลกในการชมแสงเหนือ ด้วยท้องฟ้าที่มืดสนิทและมลภาวะทางแสงต่ำมาก คุณจึงสามารถมองเห็นแสงออโรร่าสีเขียวเข้มจนถึงม่วงได้อย่างชัดเจน แนะนำให้เดินทางในช่วงฤดูหนาวระหว่าง ปลายกันยายน - ต้นเมษายน โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคมเป็นช่วงที่ฟ้ามืดนานและมีโอกาสเห็นแสงเหนือสูง เมืองยอดนิยมสำหรับชมแสงเหนือในกรีนแลนด์ เช่น อิลลูลิแซต (Ilulissat) เมืองริมฟยอร์ดที่เป็นมรดกโลก UNESCO ล้อมรอบด้วยภูเขาน้ำแข็ง เหมาะสำหรับชมแสงเหนือสะท้อนบนธารน้ำแข็ง และคันเกอร์ลุสซวก (Kangerlussuaq) เมืองในเขตภายในที่มีท้องฟ้าเปิดเกือบตลอดฤดูหนาว จึงมีโอกาสเห็นแสงเหนือมากถึง 300 คืนต่อปี
หากคุณวางแผนไป ทัวร์ล่าแสงเหนือ ควรเลือกเดินทางในช่วง กันยายน - มีนาคม โดยเฉพาะเดือน ธันวาคม – กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงกลางคืนยาว อากาศหนาว ฟ้าเปิด และมีโอกาสสูงในการมองเห็นแสงเหนือ
แสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากกิจกรรมของดวงอาทิตย์ แม้จะไปในช่วงที่เหมาะและสถานที่ยอดนิยม แต่ก็อาจไม่ปรากฏให้เห็นในบางคืน ดังนั้นควรวางแผนเผื่อหลายวัน และเลือกทัวร์ที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยตามพยากรณ์
โหลดแอปอย่าง My Aurora Forecast, Aurora Alerts หรือ Aurora Forecast เพื่อเช็กค่าดัชนี KP ล่วงหน้า หากค่ามากกว่า 4–5 มีโอกาสเห็นชัดขึ้นมาก
ควรแต่งตัวแบบหลายชั้น (Layering) เช่น ชั้นใน: เสื้อรัดรูปกันหนาว, ชั้นกลาง: แจ็กเก็ตฟลีซหรือขนเป็ดชั้นนอก: โค้ทกันลมและกันน้ำ อย่าลืมหมวกไหมพรม ถุงมือ และรองเท้ากันลื่นด้วยนะ
หากอยากเก็บภาพแสงเหนือ ควรใช้กล้อง DSLR หรือ Mirrorless พร้อมขาตั้งกล้อง และตั้งค่าโหมด Long Exposure หรือ Manual เพื่อจับแสงได้นานขึ้น
ควรเลือกทัวร์ที่มีไกด์ท้องถิ่นหรือทีมที่มีประสบการณ์ล่าแสงเหนือ เพราะพวกเขาจะรู้ว่าจะพาไปจุดไหน เวลาใด ที่มีโอกาสเห็นได้มากที่สุด
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากสัมผัสความงดงามของธรรมชาติแบบที่ไม่มีในเมืองไทย ลองไป ทัวร์แสงเหนือ ดูสักครั้ง แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมปรากฏการณ์นี้ถึงสะกดใจคนทั่วโลกได้อย่างน่าทึ่ง แล้วมาออกไปเที่ยวดูแสงเหนือกันเยอะ ๆ นะคะ