วันเดินทาง | ราคา (฿) | |
---|---|---|
21 ต.ค. 66 - 24 ต.ค. 66 | 31,900 | จอง |
วันเดินทาง | ราคา (฿) | |
---|---|---|
21 ต.ค. 66 - 24 ต.ค. 66 | 31,900 | จอง |
08.00 น. คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 3-4 เคาน์เตอร์ D สายการบิน Thai Lion Air (SL)โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกในเรื่องสัมภาระต่างๆ แก่ท่าน
11.15 น. ออกเดินทางสู่ เมืองกาฐมัณฑุ KATHMANDU (ประเทศเนปาล) โดยสายการบิน Thai Lion Air เที่ยวบินที่ SL220 (ไม่มีอาหารบริการบนเครื่องบิน ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.)
12.45 น. ถึง...ท่าอากาศยานตรีภูวัน เมืองกาฐมัณฑุ (Kathmandu) เป็นเมืองหลวงของประเทศเนปาล และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดด้วยหลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้วนท่าน****** เวลาของประเทศเนปาล ช้ากว่าประเทศไทย 1. 15 ชั่วโมง
นำท่านเดินทางสู่ ตัวเมืองกาฐมัณฑุ (Kathmandu) เป็นเมืองหลวงของประเทศเนปาล และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเพราะที่นี่คือจุดศูนย์รวมทั้งการค้า การเดินทาง วัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ซึ่งเราจะเห็นโบราณสถานที่สวยงามตั้งอยู่ในเมืองกาฐมาณฑุ
เดินทางสู่ เมือง"ภัคตะปูร์" (Bhaktapur) เมืองมรดกทางวัฒนธรรมแห่งหุบเขากาฐมาณฑุ เป็น 1 ใน 7 กลุ่ม ของมรดกทางวัฒนธรรม องค์การยูเนสโก (UNESCO) ยกย่องให้เป็นมรดกโลก ในปี 1979 เนื่องจากได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองโบราณที่มีความเก่าแก่ และมีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ และ ศิลปะวัฒนธรรมอันดีเยี่ยม..ปัจจุบันถือว่าเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยว จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "เมืองแห่งอัญมณีทางวัฒนธรรมของเนปาล”
นำท่านเข้าชมภายในตัวเมือง คือ "จัตุรัสบักตะปูร์ ดูรบาร์" (Bhaktapur Durbar Square) เมืองโบราณที่ยังมีลมหายใจ หมายถึงเมืองที่ภักดีต่อเทพเจ้า สร้างเมืองตามรูปแบบของสังข์ปัญจชันยะ อาวุธประจำกายของพระวิษณุ โดยสร้างในสมัยกษัตริย์อนันท์เทพมัลละ (Anand Dev Malla) ราวศตวรรษที่ 12 ในอดีตเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญระหว่างอินเดียกับทิเบต
ชมย่านเดอร์บาสแควร์ หรือย่านพระราชวังบักตาปูร์ อันเป็นที่ตั้งของวัง
ชม พระราชวัง 55 หน้าต่าง อันเป็นอาคารอิฐสามชั้น หน้าต่างแกะสลักด้วยไม้ทั้งหมด
ประตูทองคำ ที่เป็นสุดยอดของศิลปะเนปาล ทำจากทองเหลืองสลักรูปเทพเจ้าในศาสนาฮินดู
ชมลานสรงน้ำ หรือ ซุนดารี(Sundari)
ชม วัดเนียตาโปลา(Nyatapola) เป็นศาสนสถานที่สูงที่สุดในเนปาล มีหลีงคาซ้อนกัน สองชั้น มีด้วยกัน 5 ชั้นสูง 30เมตร สองข้างบันไดทางขึ้นมีรูปปั้นหินขนาดใหญ่ สลักเป็นรูปสัตว์ และเทพอารักขา เชื่อกันว่าปั้นแต่ละคู่มีอำนาจหยุดสิ่งชั่วร้ายที่เมารุกราน วัดนี้สร้างขึ้นถวายแด่เทพแห่งเนียตะโปลา ผู้ที่มีพลังสูงสุดหรือสิทธิลักษมี (Siddhi Lakshmi) ซึ่งเป็นเทวี ลัทธิตันตระ พระเจ้าภูปฏินทรา มัลละ สร้างวัดนี้ในปี ค.ศ. 1702
พาท่านเดิน ชม ชิลล์ๆ เรื่อย ๆ สู่หมู่บ้านปั้นหม้อโบราณ-Potters’ Square ที่ทุกบ้านจะนำเครื่องปั้นมาตากรวมกันกลางลานกว้างดูละลานตา ส่วนใครชอบโยเกิร์ต ที่นี่มี Dahi โยเกิร์ตโฮมเมดเลื่องชื่อที่ทำจากน้ำนมควายใส่ในถ้วยดินเผาให้ลิ้มลอง....
16.30 น. นำท่านเดินทางสู่ เมืองนากาก็อต “NARKAKOT” (ประมาณ 1 ชม.ประมาณ 45 กม.เส้นทางเลียบขึ้นเขา) สวิตเซอร์แลนด์แห่งเนปาล รถไต่ระดับความสูงของเทือกเขาที่คดโค้งและมีทิวทัศน์นาคันบันไดที่สวยงามอย่างยิ่ง …ตะวันลา..ระหว่างท่านจะได้เห็นการปลูกผักทำนาแบบขั้นบันไดของชาวเนปาลซึ่งสวยงามมากจนถึง ที่พัก โรงแรมบนเขานาการ์ก็อต 1 คืนนี้ด้วยความสูง 2,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล จุดชมวิวที่สวยงามมาก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตาคารและอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
พักที่ ณ Niva Niva Loges , Nagarkot หรือเทียบเท่า
08.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
08.30 น. นำท่านสู่“หุบเขากาฐมาณฑุ” (Kathmandu Valley) หุบเขาแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมในประเทศเนปาลในอดีตหุบเขาแห่งนี้เป็นชุมทางการค้าสำคัญที่ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าระหว่างธิเบตกับอินเดีย เป็นดินแดนของกษัตริย์แห่งราชวงศ์มัลละที่ปกครองดินแดนแถบนี้มายาวนานกว่า 800 ปี เป็นที่ตั้งของเมืองโบราณ 4 เมือง คือ กาฐมาณฑุ (Kathmandu), ภัคตาปูร์ (Bhaktapur),ละลิตปูร์ (Lalitpur) และกีรติปูร์ (Kirtipur) ทำให้หุบเขาแห่งนี้เป็นแหล่งมรดกโลกแหล่งใหญ่ที่มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (World Heritage Site)มากถึง 7 แห่งหุบเขามรดกโลกในหุบเขากาฐมาณฑุแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมของราชวงศ์มัลละที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ทั้งศิลปะทางด้านงานไม้ และด้านงานทองเหลือง รวมทั้งวัฒนธรรมที่มีการ
ผสมผสานของศาสนาพุทธมหายานและฮินดูเข้าด้วยอย่างลงตัว ทำให้หุบเขาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่น่าสนใจที่จะไปเยี่ยมเยือนเป็นอย่างยิ่ง นำท่านชม จัตุรัสกาฐมาณฑุ เดอบาร์ (Kathmandu Durbar Square) หน้าพระราชวังเก่าของอดีตราชอาณาจักรกาฐมาณฑุ เป็น 1 ใน 3 จัตุรัสดูร์บาร์ หรือจัตุรัสหลวงแห่งหุบเขากาฐมาณฑุ ซึ่งทั้งหมดเป็นมรดกโลกของยูเนสโก จัตุรัสกาฐมาณฑุ เดอบาร์ ถูกรายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามและแสดงให้เห็นถึงทักษะของช่างฝีมืออันเก่าแก่ แต่อาคารหลายหลังในจัตุรัสแห่งนี้ทรุดตัวลงเนื่องจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านชม สถูปสวะยัมภูนาถและดวงตาแห่งพุทธิปัญญา (Swayambhunath Temple)
หรือวัดลิง สถานที่ เก่าเเก่ที่สุดของเนปาลนานถึง 2,000 ปี มีสถาปัตยกรรม การผสมผสานกันระหว่างศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธเข้าด้วยกัน เป็นเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่เเห่งหนึ่งของโลกและยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของโลกอีกด้วย...ที่มาเยือนเนปาลต้องไม่พลาดที่จะไปมาสักการะสถูปสวะยัมภูนาถ จะทำให้เป็นสิริมงคล
“เคล็ดลับในการสักการะ”จะมีความคล้ายคลึงกับการกราบไหว้เจดีย์หรือพระบรมธาตุในเมืองไทย คือมีการจุดธูปเทียนแล้วพนมมือไหว้ขอพร จากนั้นก็จะเดินวนรอบองค์สถูปไปตามทิศทางเดียวกับเข็มนาฬิกา จำนวน 3 รอบและตั้งจิตอธิฐานตามความปราถนา
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมืองแบบชาวเนปาลดั้งเดิม
“อาหารเนปาล”ประกอบด้วยความหลากหลายของอาหารขึ้นอยู่กับเชื้อชาติดินและสภาพภูมิอากาศที่เกี่ยวข้องกับเนปาลความหลากหลายทางวัฒนธรรมให้ท่านลิ้มรส Rice Wine เครื่องดื่มท้องถิ่นรสจัดจ้าน และ MOMO อาหารจานเด็ดของคน เนปาล ชิมอาหารเนปาล สัมผัสวัฒนธรรมเนปาลแท้ๆ
** พิเศษ ** พร้อมชมการแสดงทางวัฒนธรรม ที่มีชื่อเสียงสำหรับนักท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของประเทศเนปาล จากนั้นกลับที่พัก และอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
พักที่ ณ AKAMA HOTEL หรือเทียบเท่า
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
08.00 น. นำท่านชม เมืองปาทัน หรือ ปาทาน (Patan city) เมืองเก่ามรดกโลก เป็นเมืองโบราณ สร้างในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ช่วงศตวรรษที่ 3 ปาตันได้ชื่อว่าเป็นเมืองคู่แฝดของกรุงกาฐมาณฑุได้รับการขนานนามว่าเมืองแห่งความงาม (City of Beauty) เป็นเมืองที่รู้จักกันในนามของเมืองแห่งศิลปะอีกด้วย นับเป็นนครโบราณที่ยังมีชีวิต ภายในเมืองเต็มไปด้วยวัดทางศาสนาฮินดูและสิ่งปลูกสร้างในพุทธศาสนา สืบเนื่องมาจากความหลากหลายของวัฒนธรรมในยุคกลางทำให้ทั้งศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธเฟื่องฟู นำท่านเดินทางชม รูปปั้นของพระเจ้าภูปฏินทรา มัลละ ชมวิหารทองคำ และ ชมพระราชวังเก่า ที่เป็นที่ทำพิธีเถลิงราชสมบัติของกษัตริย์ในอดีต นำท่านชม วัดตะเลจูบาวานี (Teleju Bhawani) สร้างขี้นในปี ค.ศ. 1666 อุทิศให้กับเทพประจำราชวงศ์ มีเทวรูปศิวะและพระนางปารวตีประดับอยู่บนยอดทวารทอง (ปัจจุบันถูกพวกฮิปปี้ขโมยออกนอกประเทศไปแล้ว)
ชมวัดกฤษณะ (Krishna Tempel) ตัววัดเป็นหินสร้างแบบซิกขาร์ (Shikhara / ศิขร) และ …ให้ท่านเดินทางชมถ่ายภาพความสวยงามและให้เวลาห้องปิ้งสินค้าของที่ระลึก ในเมืองปาทัน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย
บ่าย นำท่านชม”วัดปศุปฏินาถ” (Pashupatinath Temple) ปศุปตินาถมนเทียร ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์ศิวะเทพของชาวเนปาลเป็นศาสนสถานของฮินดู ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำพัคมาตี (Bagmati River) ซึ่งไหลผ่านใจกลางเมืองกาฏมาณฑุ เป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับที่ชาวอินเดียนับถือแม่น้ำคงคาแห่ง เมืองพาราณสี ชาวเนปาลก็ถือว่าพัคมาตีเป็นแม่น้ำแห่งพระศิวะ เป็นแม่น้ำที่สัมพันธ์กับชีวิตของชาวฮินดูตั้งแต่เกิดจนตาย วัดแห่งนี้สร้างขึ้นโดยพระเจ้าภูบาลสิงห์มัลละ เพื่อถวายแด่พระศิวะในปางปศุปตินาถ ปางเทพเจ้าแห่งสัตว์ หนึ่งในองค์อวตารนับพันของพระศิวะ วัดปศุปฏินาถแห่งนี้ได้รับการทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ในปี พ.ศ. 2522
จากนั้น ช้อปปิ้ง“ย่านถนนทาเมล" (Thamel) ย่านการค้าสุดคึกคักในเมืองกาฐมาณฑุ ที่เปรียบเสมือนห้องรับแขกใช้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก เป็นศูนย์กลางความเจริญของกรุงกาฐมาณฑุ ที่มีสินค้าสารพัดสารพันให้เลือกกันไม่หวาดไม่ไหว ส่วนใหญ่เป็นสินค้าพื้นเมือง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า ข้าวของเครื่องใช้ศิลปหัตถกรรม ทั้งที่เป็นทองเหลืองและไม้แกะสลัก เครื่องปั้นดินเผา หินสีอัญมณี เครื่องประดับ ไปจนถึงอุปกรณ์การเดินเขา เช่น เป้ รองเท้า ถุงนอน เสื้อกันหนาว เสื้อกันฝน เป็นต้น เพราะเนปาลเป็นดินแกนแห่งขุนเขาที่มีชาวต่างชาตินิยมมาทำลายสถิติกันมากมาย สามารถต่อรองราคาได้....ตามความพอใจของท่านซึ่งต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวกันจริงๆ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จีน จากนั้นกลับที่พัก และอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
พักที่ ณ AKAMA HOTEL หรือเทียบเท่า
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
08.00 น. นำท่านสู่ ” มหาเจดีย์โพธินาถ” (Boudhanath Stupa) มีความหมายบ่งบอกถึง “พระพทธเจ้าผู้เป็นที่พึ่ง” โดยเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล ชาวทิเบตเรียกกันในชื่อ “จารุง กาโซว์ โชร์เตน (Jarung Kashor Chorten) บนเจดีย์จะมีรูปเพ้นท์ลายดวงตาเห็นธรรมของพระพุทธเจ้า (wisdom Eyes) ทั้งสี่ทิศ นับเป็นสัญลักษณ์ที่ให้ผู้คนทำดี ลักษณะที่เจดีย์ทรงโอคว่ำ สร้างตามคติความเชื่อความคิดที่ว่าเป็นการจำลองสวรรค์ชั้นอธูปธาตุรอบๆขององค์เจดีย์ประดับประดาด้วย “ธงมนตรา” ที่ชาวทิเบตและชาวเนปาลนิยมนำมาแขวนเอาไว้อย่างสง่างามเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เป็นความหมายว่าเพื่อให้ลมพัดโบกธงช่วยสวดมนตร์ แล้วพัดพาเอามนตราไปคุ้มครองผู้ผ่านทาง และ บริเวณรอบวัดเป็นแหล่งชุมชนของชาวพุทธมหายานจากทิเบตที่อพยพเข้ามาเมื่อปีพ.ศ. 2502 ที่นี้จึงจะเห็นพระทิเบตและคนทั่วไปยืนแกว่งล้อมนต์พร้อมกับสวดมนต์อยู่ทั่วไป องค์การยูเนสโกขึ้นได้ทะเบียนสถานที่แห่งนี้เป็นมรดกโลกในปีพ.ศ. 2522ให้ท่านได้ สักการะพระมหาเจดีย์และช้อปปิ้งสิ้นค้า จำพวกของทิเบตบริเวณ รอบๆจนได้เวลาอันเวลานัดหมาย
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
13.00 น. นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติ ตรีภูวัน เมืองกาฐมัณฑุ
15.20 น. เหิรฟ้ากลับสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Thai Lion Air (SL) เที่ยวบินที่ SL221
19.45 น. ถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ และความประทับใจไม่รู้ลืม...
ราคา: บาท